วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มีดสั้นฟันธง : หงส์-สาลิกา เล่นอย่างไร ก็ไม่แพ้ !!!



วลีจากภาพยนตร์ The Mummy Returns กล่าวว่า

“There’s a fine line between coincidence and fate”
“มีเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นที่แบ่งแยกความบังเอิญออกจากโชคชะตา“


เลยพาลคิดไปว่า ระหว่างเส้นบางๆ ที่กล่าวถึงในภาพยนตร์
กับเรื่องราวของเสาและคาน ที่มันใหญ่ขึ้นมาหน่อย บางทีก็ดูคลับคล้ายจนแยกไม่ออก เยี่ยงกัน !!!

........................................................................

อิ๊บอ๋าย... แว๊ว !!! หลายคนอาจสบถในใจเล็กๆ หรือ บางคนอาจตะโกนด่าแรงๆ ไปซักดอกสองดอก
หลังจากทราบผลการตัดสินของ เอฟเอ ต่อ ซัวร์เหยิน กรณียกนิ้วในนัดเจอ เจ้าสัว เมื่อวันที่ 5 ธันวาที่ผ่านมา

และเหมือนจะยังไม่สมใจ ยังมีการออกมาข่มขู่เสียอีก หากอุทธรณ์กรณีเหยียดผิว แม่มม !! จะแบนเพิ่มเป็น 9 ถึง 10 นัด
ช่างคิดจริงๆ นะ ไอ้เหียก ... !!! เพราะถึงวันนี้ หลักฐานอันแน่นหนาซักชิ้นก็ยังไม่เคยปรากฏออกมาให้สาธารณชนเห็น

งานนี้ ส่วนตัวก็ลุ้นนะให้ส่งไปศาลที่ สวิสเซอร์แลนด์ เลย ... ไหนๆ ก็จะแบนกันล่ะก็ ดูซิ..ถึงวันนั้นมันจะปรับแต้มเราตกชั้นไหม !
แถมยังปักใจเชื่อโดยส่วนตัวอีกว่า ถ้าส่งไป ศาลสวิสฯ โอกาสการรอดอาจมีถึง 99 เปอร์เซ็นต์

เพราะจากทั้งพยานต่างๆ ที่เคยใกล้ชิด รวมถึงกิจกรรมที่ ซัวร์เหยิน เคยร่วมรณรงค์ไม่แบ่งเชื้อชาติ มุมไหนเหลี่ยมไหนก็แพ้ยาก
ในขณะที่ เอฟเอ แม่มมม !!! มีหลักฐานและพยานอยู่แค่คนเดียว คือ อีเอฟร่า ขณะที่ฝ่ายเราพร้อมให้การเพียบ

คงต้องรอดูกันต่อไปอย่างใจระทึก ว่า ที่สุดแล้วทางสโมสร กับ ทนายส่วนตัวของ ซัวร์เรส จะเล่นไม้ไหน !!!

หากมองว่าการเหยียดสีผิวเป็นเรื่องรับไม่ได้ การใส่ความและโยนตราบาป มันก็เป็นเรื่องน่าขยะแขยงพอกันในสังคม

........................................................................





Damba Ba ศูนย์หน้าสาลิกาดงที่ฮอทเหลือเกินในฤดูกาลนี้ กับ 14 เม็ดในพรีเมียร์ ถือเป็นตัวอันตรายที่ต้องจับตา


กลับมาถึงเรื่องเฉพาะหน้ากันหน่อย กับการไร้เงา ซัวร์เหยิน ในแนวรุกกับการฝ่าด่าน สาลิกาดง ทีมที่ผลงานช่างยอดเยี่ยม
หากเทียบราคาปอนด์ต่อปอนด์ ถือว่า แมตซ์นี้ช่างสูสียิ่งนักเพราะเป็นการโคจรมาเจอกันระหว่างทีมอันดับ 6 กับ 7

แถมแต้มยังห่างกันแค่ 1 เรียกว่าใครพลาดรายละเอียดและไม่นวลเนียนอาจมีขั้นน้ำตาตก...

กับ 17 นัดที่ผ่านมา คงต้องยอมรับว่า สาลิกาดง ปีนี้ ถือเป็นปีที่ดีเชียวกับผลงานที่ค่อนข้างหรู ทั้งที่มีนักเตะหลายคนจากไป
กับการแข่งขัน 18 นัดที่ผ่านมา ผลชนะ 8 เสมอ 6 และ แพ้ 4 ถือว่าสูสีและใกล้เคียงกับเราไม่น้อย

ในขณะที่ลูกได้เสีย ยิงคู่ต่อสู้ได้ 25 เสีย 22 และที่น่าสนใจ คือใน 25 ลูก กลับมีถึง 14 ลูกที่เป็นผลงานของ Damba Ba
ซึ่งนับว่าน่ากลัวเล็กๆ ทีเดียว แถมหมอนี่ยังกดไป 2 แฮททริคอีกด้วย ในนัดเจอ ช่างปั้นหม้อ และ แบล็คเบิร์น

ซึ่ง Damba Ba ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการซื้อขายที่คุ้มค่าที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ทีเดียว
งานนี้ถือเป็นบททดสอบชั้นดีอีกครั้งกับแนวรับของเราที่ร่ำลือว่าสุดยอดในปฐพีทีมหนึ่ง อีกครั้ง

ด้านแนวรับของ สาลิกาดง ก็ดูดีมีชาติตระกูลพอสมควร เพราะจาก 18 นัดที่ผ่าน กลับรักษาคลีนชีท ได้ถึง 6 เกมส์
แถมยังยันเสมอกับทีมระดับหัวแถว อย่าง กระหัง, ปืนโต และ สเปอร์ มาแล้วทั้งสิ้น เราจึงมิอาจชะล่าใจได้

งานนี้คงต้องลุ้นกัน ถึงการวางหมาก และ ยุทธวิธี ที่น่าจะต้องใส่ความละเมียดละไมเยอะขึ้น ถ้าหวังผลที่ดีบั้นปลาย

กลับมามอง ทีมเรากันเล็กๆ ... กับการไม่มี ซัวร์เหยิน ประจำแนวรุก !!!
ส่วนตัวยังเฉยๆ และไม่อนาทรร้อนใจเท่าไหร่ เพราะอาจมองว่า ทีมเราค่อนข้างมีแนวบุก แนวรับ เป็น นอร์มอลแพทเทิร์น ไปแล้ว

อาจไม่มีคนพลิ้วไหวดั่งสายน้ำระดับอ๋องอย่าง ซัวร์เหยิน แต่แนวทางปฏิบัติ และทรงบอล์ลของทีมไม่น่าจะห่างไกลจนต่อไม่ติด
หนำซ้ำ โดยเหตุการณ์แบบนี้เราเองก็เคยเผชิญมาก่อน จำกันได้ไหม กับนัดแทง หอย ปลิ้น 2-0 ใน ถ้วยคาร์ลิ่งคัพ

นัดนั้น ซัวร์เหยิน เอง ไม่ได้ลงซักนาที แต่ผล 2-0 คือรางวัล ที่มันจะแตกต่าง ก็คือ งานนั้นเรายังมี ลูคัส อยู่ประจำการ
และนั่นคือเกมส์เดียวกันที่พราก ลูคัส ของพวกเราไป แบบยาวนานจนไม่อาจระบุได้ ว่า จะพร้อมและกลับมาเมื่อไหร่

แต่ถึงงานนี้จะไม่มี ลูคัส แต่เราก็ได้กัปตันคนเก่ง ที่ผมเชื่อเหลือเกิน ว่า กัปตันจะถูกส่งลงมาตั้งแต่วินาทีแรก
ที่ยังกังวลเล็กๆ คือ ใคร !!! ที่จะมาจับคู่ตรงกลาง นั่นแหล่ะ หากยังใช้ระบบ 4-4-2 แบบเดิมๆ

งานนี้เลยนั่งคิดไปถึงระบบ 4-4-1-1 หรือ 4-5-1 อะไรทำนองนั้น ซึ่งมีโอกาสไม่น้อยเพราะผู้เล่นเราเองค่อนข้างครอบคลุม
คงต้องรอลุ้นและเฝ้ามองอย่างระทึก ว่า เดอะ คิง และผองเพื่อนจะจัดการงานนี้เยี่ยงไร ...

งานนี้ทั้งเป็นการพิสูจน์กึ๋นของทีมงาน อีกทั้งเป็นการพิสูจน์คุณภาพของผู้เล่น และศักยภาพของรูปแบบไปในตัว

ใจจริงด้วยความชอบบวกจินตนาการอยากเห็นรูปแบบ 4-1-4-1 ประหนึ่งตัวเองเล่น ฟุตบอลเมเนเจอร์ อยู่
โกล์กับด้านหลัง 4 คน คงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นใคร แต่ไอ้ 1-4-1 น่ะที่อยากเห็นประกอบไปด้วย

หนึ่งแรก คือ เจ้าปั้ก ที่ผมยังชอบใจกับเด็กอคาดิมี่คนนี้อย่างไม่รู้หน่าย ชอบหัวใจ และ สไตล์การเล่นโดยส่วนตัว
ขณะที่อีก 4 ขอเป็นด้านซ้าย มักซี่ หรือไม่ก็ เบลเลอร์ ส่วนด้านขวาขอเป็น ดาวน์นิ่ง หรือไม่ก็ เดอะ เค้าท์

ตรงกลางขอเป็น กัปตัน กับอีกคนส่วนตัวนัดนี้ขอเป็นเจ้า เฮนโด้ โดยเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์กึ่งตัวบุกทั้งคู่
และหน้าเดี่ยวจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก แคร์โรลล์ เด็กหนุ่มวัย 22 ที่แบกรับความกดดันจากค่าตัวมหาศาล

ซึ่งใครจะไปรู้ เพราะนัดที่ไม่มี ซัวร์เรส นัดชำเรา หอย หมอนี่ก็เล่นได้ไม่ขี้เหร่ ถึงจะพลาดลูกโทษนัดนั้น แต่ก็เล่นได้คะแนนถึง 7
จับพลัดจับผลูเกิดปลดล๊อคในนัดนี้ขึ้นมาเราอาจได้กำไรถึงสามสี่ต่อ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มในช่วงมกรา ฯ

อาจเป็นของขวัญปีใหม่ชั้นดีให้กองเชียร์ และเป็นของขวัญในการฉลองวันเกิดครบ 23 ที่จะมีในอีก 6 วันข้างหน้าของเจ้าตัว

อาจมีคนสงสัยทำไม ชื่อ อดัม จึงหล่นหาย ก็แหม !!! มันให้ลงได้แค่ 11 คน นี่เนอะ จะยัดไปอีกที่ก็ดูกระไรอยู่
อีกอย่างส่วนตัวคิดว่า การให้ อดัม พักก่อนในนัดนี้ อาจสร้างผลดีให้กับเจ้าตัว หลังสองนัดที่ผ่านมาเจอเรื่องร้ายๆ ทำลายหัวใจ

การพลาดลูกโทษหนึ่งนัดกับการสกัดเข้าประตูตัวเองต่อเนื่องอีกหนึ่งนัด ให้เป็นใครก็ต้องมีอาการเกร็งเป็นธรรมดา
งานนี้เกิดลงมาแล้วผิดพลาดซ้ำสามอย่างเกิดได้ใบแดงขึ้นมา หัวจิตหัวใจอาจแกว่งเกินกำลัง ให้ชาร์ทแบตไปซักนัดก็ไม่น่าเสียหาย

จุดยุทธศาสตร์อันแท้จริงอยู่ที่การวางตัวมิดฟิลด์ตัวรับและคู่หู ใครจับจุดนี้ได้ เอาตรงนี้อยู่ น่าจะกุมความได้เปรียบมหาศาล
ซึ่งตรงจุดนี้ของเรายังถือว่ายังไม่ใกล้คำว่าลงตัวซักเท่าไหร่ ตั้งแต่ ลูคัส เจ็บไป ซึ่งยังหวังอยู่นิดๆ ว่าจะเจอผู้เหมาะสมเร็ววัน

งานนี้คงต้องลุ้นกันหน่อย ว่าเดอะ คิง และ ทีมงาน จะจัดตัวแบบไหน ใครเป็นใครอีกไม่นานเกินรอ !!!

สุดท้ายกับทัศนคติ ว่า ผลจะลงเอยอย่างไร กับการเล่นในบ้าน ที่พักหลังๆ ผลงานเรามักไม่ได้อย่างใจ
ดูทรงเกมส์ บวกกับเสียงเชียร์ ต่อให้ไม่มี ซัวร์เหยิน ผมว่าเราปิดประตูแพ้ ยกเว้นโชคร้ายอย่างจังแบบนัดที่ผ่าน

ดีกรีและความเชื่อมั่นของแผงหลัง หากสมาธิไม่กระเจิง ต่อให้ยอดศูนย์หน้ากว่า Damba Ba ก็ยากที่จะผ่าน
ปัญหาอยู่ที่แนวรุก ว่าจะจัดการลงโทษคู่ต่อสู้เยี่ยงไร ... แต่การมีกัปตันกลับมา โอกาสฉกฉวยยังเปิดกว้างมหาศาล

ฟันธง !! หงส์จิก 2-1 อาจมีไหล...แต่ยังไง ก็ไม่แพ้ ... !!! เชื่อซิ ...

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มีดบินกระชับพื้นที่ : ไอ้ส้งติง...ตรูนึกแล้วววววววววววว !!!

ห่างหายจากแวดวงอักขระไปนานโข...ที่จริงก็ขีดเขี่ยมาหลายที ดูเหมือนจะออกมาจากหลายเหตุการณ์
แต่มีความรู้สึกเหมือนดั่งมิใช่ตัวตน หรืออาจเป็นตัวตน แต่มุมมืดออกจะมากมายไปหน่อย เลยยื้อยุดมาจนป่านนี้

ยังเหมือนเดิมที่ทุกชิ้นงานมักจะออกมาจากอารมณ์ที่สุนทรีย์ หาได้บังคับแข็งขืนฝืนกระทำไม่ … !!
เพราะฉะนั้นอย่าพึงได้คาดเดาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีอีกหลายมุมมองที่อาจพาลคิดไม่ถึง และหลายมุมอาจเจ็บจี๊ดโดนใจ เช่นเดิม

งานนี้นอกจากเป็นการกระชับพื้นที่ส่วนตัวแล้ว อาจมีการขอคืนพื้นที่อีกนิดหน่อย ...
และเหมือนจะออกตัวไม่สวยซักเท่าไหร่ เพราะกลับต้องมาเล่นเรื่องที่น่าปวดใจ แทนที่จะเป็นเรื่องราวแห่งความยินดี


.................................................................................................

ไอ้ส้งติง...ตรูนึกแล้วววววววววววว !!!
คิดออกทันควันได้ประโยคเดียวจริงๆ หลังได้ยินข่าวร้าย กรณี เอฟเอหัวกระบวย ตัดสินความผิด ซัวร์เหยิน

ให้ตายเหอะ … !!! แม่มมม คิดได้ไง แบน 8 นัด
เรื่องนี้จริงๆ แล้ว ก็คาดเดาเอาไว้เล็กๆ อย่างที่เคยๆ คอมเม้นท์กันไป ว่า ไอ้เอฟเอ มันขี่หลังเสือ งานนี้มันเล่นเราหนักแน่

แต่ที่เหนือความคิด คือ ไม่คิดว่า แม่มมม !!! จะเล่นแรงกันขนาดหนักแบบนี้ เห็นแล้วอดสูใจแทนพวกมันจริงๆ

อย่าเชียว … !!! อย่ามาหาว่า เราพยายามเข้าข้างคนผิด
ถึงไม่ได้คลานตามกันมากับ ซัวร์เหยิน หรือไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนอนดมจักแร้ซึ่งกันและกันก็เหอะ ยังไง ก็ยังหาได้เชื่อไม่

หลักฐานมากมายที่แสดงอยู่ ทั้งตัวบุคคลที่เคยสัมผัสซัวร์เหยิน หรือแม้แต่ช่วงชีวิตที่เจ้าตัวผ่านมา

มาร์ติน โยล หนึ่งในผู้คุ้นเคยและคลุกคลีกับเจ้าตัวสมัยสิงสถิตย์อยู่ อาแจค อัมสเตอร์ดัม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง

“ผมคงช๊อคมาก หากเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นความจริง” หรือแม้กระทั่ง
“เขาเป็นกัปตันของผม และงานของเขาคือทำให้ลูกทีมรู้สึกสบายใจ เขาเป็นผู้นำจริง ๆ”

การเป็นกัปตันของทีมที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ และ สีผิว เป็นเครื่องการันตีชั้นเยี่ยม มิใช่หรือ !!!
นี่ยังไม่นับกับอีกหลากหลายความคิด และ อีกมากมายคนคุ้นเคย ที่ต่างเทความเชื่อมาทางเราทั้งสิ้น

งานนี้มันเลยกลายเป็นการจัดฉากชิ้นโตของเหล่า ผู้คนเอฟเอ ประหนึ่งการประหารก่อนกราบทูล
ดูยังงัย มันก็เป็นการตั้งธงตัดสินกันตั้งแต่แรก แล้วค่อยควานหาหลักฐานมาผูกมัดกันทีหลัง

แถมงานนี้ลอยตัวเพราะซัวร์เหยินให้การรับสารภาพ ว่า พูดจริง แต่หัวใจไปคนละทาง ซึ่งมันไม่มีทางฟังแน่นอน
คงต้องปล่อยให้ทางสโมสรจัดการต่อ ซึ่งดูอย่างไร ก็ไม่มีทางอุทธรณ์ขึ้น เพราะขืนอุทธรณ์ได้ มันมีแต่เสียหมา !!!

ให้ดีสุด มันก็แค่ลดลงกึ่งหนึ่ง นั่นก็คือราว 4 นัด แถมยังมีเรื่องยกนิ้วที่อันนี้เรายอมรับว่าผิดจริง
งานนี้โดนฟาดงวงฟาดงาไป ยังไงๆ ก็ 6 ถึง 8 นัดเหมือนเดิม อยู่ดี ...

ถ้าอยากให้สนุก คงต้องอุทธรณ์ถึงที่สุด ขณะเดียวกันส่งเรื่องให้กระบวนยุติธรรมรัฐสอบสวนเลย ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ถ้าเป็นแบบนั้น หากเราไม่ล่ม มีหวังเอฟเอ แม่มมม ต้องโละทั้งกระบิ .... สนไหม !!!


.................................................................................................

หันมาดูมรสุมเล็กๆ ที่เราต้องพ้นผ่านด้วยกันให้ได้กันดีกว่า ...
ซัวร์เหยิน จะโดนเมื่อไหร่ โดนเท่าไหร่แน่หลังอุทธรณ์ อันนี้น่าสนใจไม่น้อย

เอาแบบให้ไม่โดนเลย ปิดโรงลาได้เลย ยกเว้นทำแบบที่ยกไว้ข้างบน นั่นแหล่ะ อันนั้น ชัดเจน ...
หากหวังถึงช่วงเวลาที่ดี ส่วนเล็กๆ ในใจ ขอโดนแบนนับมันตั้งแต่ ชน วีแกน นี่ ล่ะ

อย่างน้อยก็ยังได้เจ้าตัวมาปิดเกมส์ทัน ตอน คาร์ลิ่งคัพ เลค 2 ที่เราจะเปิดบ้าน รับ แมน ซิตี้

แต่ที่มันติดค้างอยู่ก็คือเรื่องของความอยุติธรรม ที่โดยบุคลิกของทีมเราไม่ยอมงอมืองอเท้า และ ไม่เคยอ่อนข้อให้มัน
งานนี้คงยาวอีกเป็นเดือน เพราะกว่าจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ กว่าจะตรวจสอบ และ กว่าจะตัดสิน !!!

อาจพาลเซ็งกันนิดๆ กับการรอคอย สำหรับเหล่ากองเชียร์และสาวกอย่างเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย
แต่ น่าจะเป็นผลดีกับสโมสรอยู่ไม่มากก็น้อย เพราะเข้าสู่ฤดูกาลซื้อขายอีกคราว งานนี้จากไม่คิดเข้าสู่ตลาดก็เหมือนโดนบังคับ

ใครจะรู้ ... เราอาจได้ศูนย์หน้าแสบๆ เพิ่มมาอีกคน ให้พวกกระหังมันเจ็บแค้นแน่นอกตาย !!!

เพราะในราย ซัวร์เหยิน เอง พวกมันก็ไปแอบซุ่มโป่งดูมาไม่น้อย แค่ ไอ้แพนด้าปัญญาอ่อน มันง่าวทำไม่สนใจ
การฉก ซัวร์เหยิน มาจึงเหมือนเป็นการตบหน้าสาวกหลายๆ คนของมันอย่างจัง ก็มันเสียดาย แถมมาอยู่กับเราซะอีก

ตีความตามเหตุการณ์ก่อนแล้วกัน ถือว่าเราโดน 8 นัด จริง มีเกมส์ไหน ในหัวใจผมบ้างที่ไม่อยากให้เจอเรื่องนี้

คำตอบส่วนตัวไม่ยากซักนิด นั่นคือเกมส์วันที่ 11 กุมภาพันธ์ กับการไปเยือนรังโสโครกของสัมภเวสี
ผมเชื่อว่า ซัวร์เหยิน เอง จะตอบแทนเหล่ากระหังได้อย่างสาสม ซึ่งมันจะเป็นการปลอบประโลมหัวใจได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าไม่เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง ช่วงที่เหมาะสำหรับการแบน คือหลังเจอปืนใหญ่ วันที่ 3 มีนา นู่น แหล่ะ
ถึงตอนนั้น เมิงจะแบนยาวบวกกับข้อหาชูนิ้วอะไรนั่นด้วยจนจบฤดูก็คงไม่ว่ากัน ...!!!

ไม่ใช่ว่าท้ายฤดูกาลแล้วเราไม่ให้ความสำคัญ แต่ดันมีความเชื่อเล็กๆ ว่า ก่อนหน้านั้นมันโหดกว่าเยอะ
22 วัน เจอ แมน ซิตี้ 3 นัด ทั้งเกมส์ลีค และ เกมส์ถ้วยใบน้อย อันนี้ก็เล่นๆ ที่ไหน !!!

หลายคนปล่อยผ่านถ้วยใบเล็ก แต่มุมมองส่วนตัวและสโมสร คงน่าจะคล้ายๆ กัน คือ หวังมันทั้งหมด เล่นขาดใจกับทุกถ้วยที่เข้าร่วมวง
มันไม่มีตรรกะใดๆ มาแสดง ว่า ถ้าได้ถ้วยใบน้อย แล้วเราจะไม่ได้โควตาไปยุโรป หรือ เราต้องตัดถ้วยคาร์ลิ่งถ้าหวังติดท๊อปโฟร์ ... ไม่มี๊

ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถึง ต้นเดือนมีนาคม ก็เช่นกัน ... 4 นัดนั้น ก็ถือว่าน่าสนใจ
การเปิดบ้านต้อนรับสเปอร์ ต่อด้วยเยือนรังโสโครกกระหัง ก่อนเปิดบ้านต้อนรับทั้งทอฟฟี่ กับ ปืนโต ถือว่าเอาเรื่อง

เพราะในตารางคะแนน ผมเชื่อเหลือเกินว่า เรายังต้องวนเวียนอยู่กับทั้งปืนโต กระหัง รวมทั้ง สเปอร์ อีก
หากผ่าน 3 ด่านนี้ได้แถมยังมีแต้มสวยๆ หลังจากนั้นแค่ลุ้นกันกับเหล่าพวกหนีตกขั้น ซึ่งโอกาสเรายังดีอยู่

เอาเป็นว่า ยื้อเท่าไหร่ก็เท่านั้น ยิ่งช้า เรายิ่งเตรียมตัวได้แต่เนิ่นๆ งานนี้หากมองมุมงดงามยังมีโอกาสบวกสูง

บวกหนึ่ง คือ การอาจได้ศูนย์หน้าเร็วกว่าที่คาด นั่นหมายถึงฤดูกาลต่อไปไม่ต้องมานั่งรอการปรับตัว
ไม่เว้นแม้แต่การดันเด็กให้ขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง ก็เหอะ ... ยังไง ๆ มันก็ยังต้องรอเวลา ซึ่งเราอาจใช้ช่วงเวลาเหล่านี้

บวกสอง สำหรับพวกกังวลใจ ว่าขาดเธอเหมือนขาดใจ ขาดซัวร์เรสไป ถึงแดดับดิ้นสิ้นชีพ ประมาณนั้น
อย่าไปกังวลกันก่อนมากเลย เราผ่านช่วงยากลำบากมาด้วยกันไม่น้อย ขาดคนนั้น ขาดคนนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ

ขาดใครไปซักคนไม่ตายหรอก สาบาน !!

เรายังมีนักเตะอีกครึ่งร้อย ผมยังเชื่อว่าเมื่อเราโดนกลั่นแกล้ง มันอาจเป็นแรงผลักขั้นเยี่ยม ที่จะทำให้อีกหลายคนโชว์ผลงานชั้นยอด
เรายังมีสโมสรเป็นศูนย์รวมกำลังใจ และที่สำคัญเรายังมี เดอะ คิง และ ทีมงาน ที่พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันอีกครา

หากไปได้สวย โดยไม่มีตัวช่วยอื่น งานนี้ถึงวัดศักยภาพที่ดีหลายๆ คนเลยนะนั่น เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งกังวลอะไรก่อนกาล

.................................................................................................

เหมือนเดิมแบบไม่ต้องใช้ความสามารถมากมายอะไรนักในการคาดเดา
เหล่าเกรียนสยามควายๆ ที่อ้างตนมาทำเป็นรัก เป็นเชียร์หงส์ ออกอาการดี๊ด๊าและได้โอกาสแพล่มกันยกใหญ่

ทั้งหลายทั้งมวลต่างยกตนทำท่าราวกับแมน ประหนึ่งแม่มมม โครตดี ถึงออกมาต่อว่า ซัวร์เหยิน กันอย่างไม่เคอะเขิน
บ้างออกมาสบถหาว่า เดอะ เหยิน ไม่รู้จักโต เล่นบอล์ลมาแสนนาน กลับทำตัวโง่ๆ ...

และบางคนทำเป็นอวดภูมิ ยกอ้างเรื่องประเด็นเหยียดผิว ราวกับแม่มม โดนมากับตัว
ไอ้เหียก เอ๊ย !!! แค่พวกเมิงโดนถากๆ บนโลกไซเบอร์ ยังดีดดิ้นราวกับไส้เดือนถูกขี้เถ้า แล้วจะไปรู้อะไร

ผิดถูก หลักฐานก็ไม่เคยปรากฏ ... โอเค กับการยอมรับในเบื้องต้นว่า หลุดคำว่า “Negro”
ทีแถวบ้านนี้เมืองนี้หลุดหยาบคายหนักกว่านี้อีก ยิ่งในบอร์ดเส็งเคร็งพวกเมิง ก็ไม่เห็นยักแบน

ขนาดคู่กรณียังออกมายอมรับซะงั้น ว่า ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเป็นการเหยียดผิว

หลักฐานและคำแถลงการณ์ก็ออกมาอย่างโทนโท่แบบนี้ สมองไม่สามารถคิดต่อได้อีกหรือ !!!! ไอ้เกรียนควายๆ ทั้งหลาย

ยังแถมท้ายกันอีก ถ้าไม่ได้แชมป์ถ้วยเล็ก หรือ ไม่ได้อันดับไปยุโรป ทั้งหมดทั้งสิ้นอยู่ที่ ซัวร์เหยิน และทีมงาน
แม่มมม !!! ไอ้เกมส์ฟุตบอล์ลที่พวกมันดู เนี่ย มันเล่นคนเดียวหรือไง ฟ่ะ นับถือความสามารถในการคิดมุมชั่วๆ ของพวกเมิงจริง

ยิ่งไอ้พวกบอกให้ยอมรับผิด ไม่ต้องไปอุทธรณ์ ไอ้ห่า พวกนี้มันก็ไม่เคยตักน้ำใส่กระโหลกเอามาพิจารณาตัวเองซักนิด
จะรู้ไหม !!! ว่าการไม่รู้สึกผิดจริง แล้วโดนใส่ร้ายมันเป็นเยี่ยงไร

ทีพวกเมิงโดนเค้าตอด เค้าเอาความจริงมาต่อว่า โดนไปเล็กๆ ยังแต๋วแตกกันหน้าบอร์ด แล้วยังเจือกจะมาแพล่ม ...

.................................................................................................

งานนี้คงต้องงัดกันยาวๆ ระหว่าง สโมสร ทีมงาน และ เอฟเอ ซึ่งยังเชื่อว่าจะเป็นแรงกระเพื่อมชั้นยอด
ยิ่งเป็นรายการทวงถามตามความยุติธรรม ส่วนตัวแล้วออกจะเชื่อมือ เดอะ คิง อยู่ในที

ก็นะ ขนาด เหตุการณ์ฮิลล์โบโร่ ผ่านไป 20 กว่าปี เรายังตามทวงอยู่กันได้ทุกเมื่อเชื่อวัน นับประสาอะไรกับประเด็นเท่านี้
งานนี้เอาหัวเป็นประกัน ว่า เดอะ คิง มีจัดเต็มให้ เอฟเอ หลายดอก แน่ ไม่เชื่อคอยดู .... !!!

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ไม่ว่าซีกโลกไหน ซอกหลืบใด จะเหยียบย่ำซ้ำเติมคุณ ใครจะตราหน้า หรือ พากันรังเกียจ
แต่ที่นี่ พวกเราขอรับรอง หลุยส์ ซัวร์เรส คุณจะไม่มีวันเดียวดาย ...

สัญญา…



ด้วยจิตคารวะ

มีดสั้นงมงายรัก เซียวลี้ปวยตอ

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อย่าเพิ่งผยองพองขน.. ไอ้หนู

ใจจริงอยากจะเขียนเรื่องราวหลายอย่าง โดยเฉพาะภาพแห่งความเป็นจริง
การพ่ายแพ้ เมื่อคืน คือ ความจริงที่เราท่านควรตระหนักยิ่ง .. เรื่องปกติกับเกมส์การแข่งขัน

พอดีมีเรื่องราวต้องสะสาง เลยขอฝากซักย่อหน้าไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะได้เขียนอะไร ไหม !!! งวดนี้
เผื่อใครเจอเกรียนสัมภเวสี จะได้หาทางย้อนมันซักดอก สองดอก !!!


เรื่องมีอยู่ว่า คงต้องแสดงความยินดีกับแชมป์สมัยที่ 19 ของเหล่านักเตะสัมภเวสี ที่อุตส่าห์ทำได้
ไม่ว่าด้วยกลวิธีใดใด คุณก็คือผู้ชนะ ถึงแม้จะดูไม่ขาวสะอาดเท่าไหร่ในบางนัดบางคราว สำหรับบางคน

ถามว่าส่วนตัวรู้สึกอย่างไร คงตอบอย่างปกติ ว่า เฉยๆ เพราะหาได้อาทรร้อนใจกับเรื่องนี้ไม่ แม้แต่น้อย
ก็ยินดีด้วยกับความพยายามและการทำสำเร็จ แต่ อย่านึกเลยเชียวว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ผมรู้สึกอิจฉา

ทำไม !!! น่ะเหรอ
เพราะถึงอย่างไร คุณก็ไม่สามารถพรากสถิติพวกผมไปอีกแสนนาน..ก็แค่นำไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ลองย้อนกลับไปดูรากเหง้าและรอยทางของทั้งคู่ ลองคิดและใคร่ครวญซักหน่อยหากคิดจะมาหยามหยัน
หงส์แดง ก่อตั้งเมื่อปี 1892 ขณะที่สัมภเวสี ก่อตั้ง 1878 ถึงห่างกัน 20 ปี แต่เรื่องการดมตูดคงต้องยกให้

เพราะ พอฤดูกาล 1900-1901 หงส์แดงเองก็ได้ลิ้มรสความหอมหวานจากการเป็นแชมป์ลีคสูงสุด

ขณะเดียวกัน กว่า พวกสัมภเวสี สูเจ้า จะได้ลองรสบ้างก็ล่อไปฤดูกาล 1907-1908
และหลังจากนั้น หากนับถึงตอนนี้ ก็ราว 111 ปี ที่พวกเมิงตามตรูดดมขี้พวกตรูมาตลอด

กับการนำแค่ปีเดียวก็เท่านั้น อย่าเพิ่งเหลิงลำพองไป กรูมีเวลาให้เมิงอีก 110 ปี ..เอิ๊กซ์ๆ
อีก 110 ปี ถ้ายังไม่ได้แชมป์นำหน้าพวกเมิง ตอนนั้นค่อยช้ำใจก็ไม่สาย เพราะฉะนั้นอย่าพองขน ไอ้หนู !!

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หงส์แดงนิวส์ 6 ฉลองสัญญา คิงส์

เทศกาลเฉลิมฉลองสัญญาเดอะ คิง
"หงส์แดงนิวส์" ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแสดงความยินดี

เป็นเพราะโอกาสอย่างนี้ หาได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่ผู้ทำชื่นชอบเป็นพิเศษ
สาวก มูปากมอม กับ โบอาส รอกันขี้แตก ไปก่อนเน้อ เพราะนี่คือคนที่ใช่ที่สุด แล้วววววว

อาจฮาบ้าง ไม่ฮาบ้าง ก็ทัศนาตามอารมณ์ เด้อ...ครับ



กระทบใคร ใครจุก ใครเจ็บ ไม่ต้องมาบอก ไม่อยากฟัง ... คริ คริ

ส่วนคนไหนขำบ้าง ยิ้มบ้าง ฮาบ้าง ลงชื่อด้วย


ด้วยจิตคารวะ
มีดสั้นงมงายรัก

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อีก 2 นัด ก่อนลาโรง !!!

เดอะ คิง ... หัวข้อที่ผมออกจะหาเรื่องเขียนลำบากเรื่องหนึ่ง
เพราะมาตรฐานส่วนตัวของเจ้าของนามที่กล่าวข้างต้น มันเกินปกติเสียจนแตะลำบาก

เพราะนับตั้งแต่ผู้ชายคนนี้เดินเข้าสู่วิถีแห่ง ลิเวอร์พูล เรื่องราวมากมายล้วนตามมา
แต่ละเรื่องเข้าขั้นเทพนิยายแฟนตาซีที่อ่านสนุกและมิอาจคาดเดาเรื่องราวอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน

หากมีแต่ความปิติและอิ่มเอมกับการลิ้มรสความหฤหรรษ์ จนยากบรรยาย
เรื่องราวหลักๆ ของชายผู้นี้ถูกถ่ายทอดจากปากสู่ปาก จากรุ่นสู่รุ่น ราวกับหาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้

แต่นี่แหล่ะ ตำนานที่ยังมีลมหายใจ ที่ทุกคนยังสัมผัสและรับรู้เรื่องราวได้อย่างมิรู้เบื่อหน่าย

แล้วงัย .. !! ทำไมต้องพูดถึง ทำไมต้องออกมาเขียนอะไรๆ กับชายคนนี้อีกเล่า
ก็แหมนะ !! มันได้จังหวะ ล่ะม๊าง ท่านที่เคารพ ที่หลายๆ อย่างเริ่มอุดปากกูรู จนเห่าออกเสียงสำเนียงไหนไม่ได้

จำกันได้ไหม !! จากก้าวแรก ที่ เดอะ คิง ตกปากรับเผือกร้อนจากสโมสรเพื่อกลับมากุมบังเหียนคราวนี้
เหล่ากูรูและผองเพื่อน สาวกเกรียนสยาม หรือแม้แต่ เดอะ คอป ตัวเอ้หลายคนออกอาการเหมือนโดนขัดใจ

หลายคนทำตัวราวเด็กไม่ได้ของเล่น และหลายชีวิตออกอาการเหมือนครอบครัวร้าวฉานราวเมียมีชู้
พร้อมยกเหตุอ้างผลที่ทำเอาผู้คนเกือบเคลิ้มมาเล่าสู่ ประหนึ่งตัวแม่มม ช่างเอกอุและเอกะเสียยิ่งกระไร

ทั้งเรื่องราวของชื่อชั้นและความหัวโบราณต่างถูกยกมาอ้างราวกับโศกนาฏกรรมที่มิอาจเยียวยา
บ้างยกแคนดิเดต และ เครดิต ให้กับชายปากมอม รวมไปถึงเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ราวเทพเจ้า.. ถุยส์

ยิ่งเสียผู้ชายที่เคยมีเลขเก้าติดหลังไปอีกหนึ่ง หลายคนเริ่มออกอาการประหนึ่งแม่มมถูกเต็มประตู
หนำซ้ำอาการเปิดหัวของทีมเหมือนไม่เป็นใจเข้าไปอีก ยิ่งเหมือนตอกย้ำความคิดของคนเหล่านั้น

บวกกับอาการบาดเจ็บของเหล่านักเตะตัวหลัก ดูเหมือน เดอะ คิง จะข้ามผ่านโดยยากลำบาก
แต่การณ์หาเป็นดังเช่นนักอวดรู้ พวกอวดตัว และเหล่าเหลือบไร ออกมาแพล่มวิพากษ์วิจารณ์ไม่

ทุกอย่างดูเริ่มเข้าที่เข้าทาง นวลเนียน และ แสดงถึงความเป็นยอดฝีมือ ที่ใครๆ มิอาจดูแคลน

.......................................

ถ้าให้ผมทาย การจากไปของอดีตหมายเลขเก้าคนนั้น ก็คงมีกระบวนความคิดไม่ต่างจาก เกรียนสยาม เท่าไหร่
เพราะหากถาม ณ ตอนนั้น ผมเชื่อว่าผู้ชายแก้มแดงคนนั้น อาจไม่รู้จัก เดอะ คิง อย่างที่ควรเป็น

ถ้าถามถึงรายชื่อยอดคนยอดโค้ช เดอะ คิง อาจไม่อยู่ในลิสต์ท๊อป 20 ในกบาลของหมอนั่น แม้แต่น้อย
การหาทางรุ่งกับยอดโค้ชในสมองของชายที่เคยรัก เลยเบนเข็มไปที่ อันเชลอตติ อย่างช่วยไม่ได้

เพราะหากนับตามสายตาบ้านๆ อาร์เซนอล แมนยู บาร์ซ่า และ รีล มาดริด ล้วนออกอาการเป็นไปไม่ได้
ความหวังที่จะเห็น อันเช่ สร้างยุคแสงสว่างเรืองรองมากกว่า เดอะ คิง จึงผุดขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย

โดยหารู้ไม่ว่า ตัวเองอาจพลาดโอกาสสำคัญในการก้าวสู่การเป็นนักเตะที่ดีที่สุดไปอย่างมหันต์
หรือผมตาฝาดไป ที่เห็น เดอะ เคาท์ / มักซี่ / สเปียร์ริ่ง / ไมราเลส และเด็กๆ ทั้งแก๊งค์ดูเล่นดีผิดหูผิดตา

จาก เคาท์ ที่ปกติก็หาได้เล่นขี้เหร่ไม่ ก็ดูมีทักษะการวิ่งที่เหมือนจะเข้าใจเกมส์และมีประโยชน์มากขึ้น
ขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็ไม่ต่างกัน ที่หลายๆ คนดูเป็นเกมส์ และมีทรงอันจับต้องได้ ด้วยผลที่เห็นๆ กันอยู่

พาลนึกไม่ออกว่าหากชายคนนั้นยังอยู่จะเปล่งประกายอีกสักเท่าไหร่ ยามเมื่อ เดอะ คิง ขัดเกลา
แต่ช่างมันเหอะ ผ่านแล้วก็ผ่านไป แค่เอ่ยและยกตัวอย่างของอาการคิดผิดมาให้ยลกันซักหนึ่งกรณี

.......................................

แล้วไง !!! หลังผ่าน 16 นัด กับผลเฉพาะในลีค แข่ง 16 ชนะ 10 เสมอ 3 และ แพ้ 3
จากทีมที่อยู่ในโซนตกชั้นกลับก้าวพรวดๆ มาอยู่ในพื้นที่ยุโรปชั่วคราวอย่างในช่วงเวลานี้

ผมสงสัยเล็กๆ ว่า ไอ้ยอดกุนซือที่เคยชูหางราวเทพเจ้า จะมีปัญญาทำแบบนี้ไหม หรือต้องให้โอกาสยันฤดูกาลใหม่

กับ 33 แต้มที่หากันไม่ได้ง่าย เมื่อต้นฤดูกาล กับกลายเป็นเรื่องไม่ยากแค้นเท่าไหร่ในมือ เดอะ คิง
อะไร !!! คือ สิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้น และ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแหกตา หรือนี่คือความฝันบางตื่นเท่านั้น

นักเตะที่โดนบูชาราวเทพหายไปหนึ่ง ขณะเดียวกันกลับได้นักเตะที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเท่าไหร่มาแค่ 2
รวมกับเหล่าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหนึ่งขยุ้ม ไฉนรูปเกมส์ กลับดูเพลินตาและยวนใจสิ้นดี

เหล่าแพะตัวเอ้ทั้งหลายเริ่มกลายร่างเป็นเทพบุตร ราวโอรสสวรรค์ที่กำเนิดเกิดมาเพื่อ ลิเวอร์พูล ทั้งสิ้น
เกรียนสยาม ถึงคราวเงียบยกใหญ่ เหมือนบ้านเมืองนี้ไม่เคยมีใครเป็นเกรียนที่หาแพะไปวันๆ มาก่อน

แต่เชื่อใจได้ ว่าหากถึงคราวต้องพ่ายแพ้เมื่อไหร่ เราคงได้ยลโฉม เกรียนสยาม กันอีกหลายกระทอก
ซึ่งแม้แต่ เดอะ คิง ที่วันนี้พวกมันต่างสรรเสริญ คงไม่วายโดนปู้ยี่ปู้ยำชำเราอย่างสนุกปากตามเคย หากพลาดพลั้ง

.......................................

กับเกมส์การแข่งขันเมื่อคืน บอกกันแบบไม่อายว่าผมโคตรจะผิดหวังไม่น้อย
เปล่า !!! ไม่ได้ผิดหวังในผลการแข่ง หากแต่ภาพรวมของเกมส์กลับดูไม่ถึงใจ อย่างที่หวังไว้ซักนิด

แหม ก็ถ้าหากเหลียวกลับไปมองนัดก่อนๆ ของ ฟูแล่ม กับเกมส์ในบ้านของพวกเค้า
คงต้องยอมรับโดยพลัน ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยซักนิด หากหวังจะเข้ามาฉกแต้มกันแบบหน้าตาเฉย

ก็จาก 21 นัดในบ้าน ในทุกถ้วยปีนี้ของเหล่านักเตะทีมเจ้าสัว มันธรรมดาที่ไหน !!!

จาก 21 เกมส์ เจ้าบ้านเล่นเอาถึงชนะไปทั้งสิ้น 11 เกมส์ เสมอ 6 และ แพ้เพียงแค่ 4 เกมส์ เท่านั้น
ซึ่งนับว่าเป็นสถิติที่น่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย และเป็นสาเหตุสำคัญให้เจ้าสัวอยู่อันดับที่ 10 แบบสบายๆ

ไอ้เราก็นึกว่า งานนี้คงได้เห็นเกมส์มันส์ๆ ระดับลุ้นกันรูตรูดตะลึง ไม่ก็ต้องเยี่ยวเหนียวไปข้าง
แต่ ป้าด .. เริ่มเกมส์แค่ 15 นาที ทุกอย่างก็จบลงซะดื้อๆ แบบไร้ลุ้น... ฮ่วย !! เสียเส้นยิ่งกว่าดู ปาเกียว อีก

ไอ้ชอบน่ะชอบนะ ไม่ใช่ไม่ชอบ กับการเห็นทีมที่รักไล่ปู้ยี่ปู้ยำชาวบ้านชาวช่อง
แต่แบบว่าโรคจิต อยากเห็นทีมชนะยากๆ หน่อย เจอเกมส์เหนียวๆ เคี้ยวยากๆ จะทำอย่างไร

การแก้เกมส์ ทัศนคติผู้เล่นจะเป็นแบบไหน จินตนาการจะออกมาเยี่ยงไร หากเจอเกมส์เขี้ยวๆ
งานนี้เลยพาลมีความรู้สึกเสมือน มวยล้มต้มคนดู ยังงัยอย่างงั้น... เอ้า !!! จริงๆ นะเนี่ย

ไม่ต้องไกล ดูอย่าง พ่อยอดชาย นาย Mark Schwarzer นั่นปะไร !!!
ก็ทั้งๆ ที่เพิ่งเล่นออกจะโดดเด่น ในเกมส์นัดถล่มซันเดอร์แลนด์นอกบ้านมา 3-0

แถมเจ้าตัวและผองเพื่อนดันทะลึ่งติดทีมออฟเดอะวีคของเวปไซค์พรีเมียร์ถึง 6 พระหน่อ
แต่ไหง !!! พอมาเจอกับทีมของเรากลับอ่อนระทวยราวโดนน้ำแข็งลากผ่านหลังซะฉิบ !!!

และงานนี้ หากต้องเลือกคนที่แย่ที่สุดของเกมส์ ในสายตาผมคงไม่พ้น คนๆ นี้ ล่ะ Mark Schwarzer
ก็พ่อเล่นทำหมูหกตลอด แบบมองมุมไหน ลูกบางลูกมันไม่ควรเป็นประตูด้วยซ้ำ หรือคุณคิดกันอย่างไร !!!

ซึ่งงานนี้ความมันส์ระดับสวนรูทวารเลยหล่นหาย ตาม “มาตรฐานโกล์ มาตรฐานเกมส์” เสียจริง

ตั้งแต่ลูกแรก กับการตัดสินใจแปลกๆ ที่เก็บบอล์ลไว้ในสนามแทนที่จะยอมเสียลูกเตะมุม
จนเป็นเหตุให้ มักซี่ ได้โอกาสงามๆ เบิกประตูแรกในเกมส์ ทั้งๆ ที่เวลายังไม่ถึง 1 นาที

การยืนผิดตำแหน่งในลูกที่ 4 ที่โดน มักซี่ เจ้าเดิมทำแฮททริค ทั้งๆ ที่ยิงได้ไม่แรงเท่าไหร่
แต่ทิศทางและน้ำหนักนี่ซิ นับว่าเป็นการลงโทษการยืนผิดที่ผิดทางได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ไอ้ที่น่าเกลียดที่สุด คงต้องยกให้ลูกที่ เคาท์ ยิงจากเส้นกรอบขวามือ มองยังงัยลูกนี้ก็ไม่น่าเป็นประตู
มันน่าเข้าซองจะตาย ไหงดันแหวกฟ้าท้าตะวัน ดันไปเป็นประตูเสียนี่ ...ยอมเลยพ่อคุณพ่อทูนหัว แม่มม !!!

.......................................

จะว่าไป เกมส์นี้นับว่าเป็นเกมส์ที่หลายๆ คน ได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างมีรสนิยม
อย่าง ลูคัส เกมส์นี้เล่นเอาหล่อไปไม่น้อย ลูกตอดที่เป็นสัญลักษณ์ประจำกายยังเปล่งอานุภาพได้ดี

แถมลูกส่งใกล้-ไกล เกมส์นี้ นับว่าสำแดงเดชได้ไม่น้อย แถมมีลูกล่อลูกหลอกลูกล่อลูกชนต่างหาก
ซึ่งนับว่าก้าวไกลไปอีกระดับไม่น้อยทีเดียว กับคุณภาพคับแก้วของอดีตกัปตันบราซิลรุ่นเยาว์

และแม้จะดูโดดเด่นน้อยกว่า เจ้าปั้ก (อีกตามเคย) แต่ถือว่า นี่นับเป็นคู่มิดฟิลด์ที่หาน้อยหน้าใครไม่

แต่กาลกลับเป็นว่า ส่วนที่ดีที่สุดของทีมกลับเป็นความลื่นไหลของแนวรุกที่ดูมีประสิทธิภาพมากมาย
ราวกับว่า เดอะ คิง หาได้ใช้ระบบ 4-4-2 ที่คุ้นเคยไม่ หากแต่เป็นระบบใหม่ตัวผมเองค่อนข้างมึนงง

เพราะเท่าที่ดู แผนนี้กลับกลายเป็น 4-2-4 เสียฉิบ !!! เพราะดูยังงัยๆ 4 คนแนวรุกต่างพร้อมเป็นศูนย์หน้าเสมอ
เพราะลองคิดเล่นเล่น แค่ แฮททริคฮีโร่ คนเดียว ยังยิงต่างมุมต่างพื้นที่ทั้ง 3 ตุง แบบว่า ตรงไหนก็ยิง ซะงั้น

หาก 4-4-2 เดิมๆ ตำแหน่งประจำของ มักซี่ งานนี้โดยภาพ คือ น่าจะเป็นการประจำการพื้นที่ด้านกราบซ้าย
แต่หากดูย้อนไปที่ลูกแรก มุมที่ มักซี่ ซัดเบิกรู กลับกลายเป็นพื้นที่ตรงกลางเยื้องๆ ไปด้านขวา

เพราะวิ่งตัดสลับกันกลับ ซัวร์เรส ขณะที่ลูกที่สองได้ประตูมาจากด้านซ้าย ด้านประจำการ
ส่วนลูกที่ 3 เป็นบริเวณหัวกะโหลก เหน่งๆ เรียกว่า วิ่งกันจนดูลานตา หาทิศทางแน่นอนไม่ได้

ซึ่งทั้ง 4 พระหน่อ ทั้ง เคาท์-ซัวร์เรส-มักซี่ และ เมย์ราเลส ในครึ่งแรก ทำได้ดีจนน่าเวียนหัว
แม่มมม !!! จะจับตายใครล่ะนั่น แม่มมม วิ่งซะขนาดคนดูยังงง ไอ้คนในสนามยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ส่วนที่ชอบอีกเรื่อง คือ การได้เห็นทัศนคติ และ ทรงการเล่นที่ดูน่าติดตามของเจ้าเหม่งน้อย เชลวี่ย์
หนึ่งในยอดยุทธวัยเยาว์ที่สื่ออังกฤษต่างลุ้นและเขียนถึงราวกับนวนิยายของเจ้าชายแห่งโลกลูกหนัง

หากย้อนกลับไปดูในหลายๆ เกมส์ ที่เจ้าตัวถูกส่งมาขัดตาทัพ หาได้มีส่วนไหนซักนิด ว่า หมอนี่จะเหนือชั้น
โอเค !!! ที่อาจดูเหมือนตื่นๆ จับจังหวะไม่ถูก หรือ ไม่คลิ๊กอะไรก็ตามแต่ และ พักหลังได้รับบาดเจ็บ

หากเอาไปเทียบกับ แจ็ค โรบินสัน หรือ เจ้าหนูฟลานาแกน คะแนนคงห่างลิบอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อคืนนี้ แค่ลูกเดียว ลูกที่ส่งให้ ซัวร์เรส ยิงประตู ลูกนั้นลูกเดียวจริงๆ ที่มันฉายอานุภาพขนาดต้านไม่อยู่

เล่นเอาตะลึง และ ปากค้าง อย่างมึนงง และสงสัยในที ว่าหากทุกอย่างเข้าล๊อค ไอ้หมอนี่จะอันตรายแค่ไหน !!!
เพราะการดึงจังหวะนิดๆ ก่อนปล่อยลูกออกจากเท้า เนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่ระดับเด็กอายุ 19 ขนาดนี้

ไอ้ลูกนี้มัน คิลเลอร์พาสระดับเซียน ดูเหนือชั้นกว่า ทะยานบันไดเมฆ ของ บู๊ตึ๊ง ลูกหนึ่งเชียวนะนั่น

งานนี้คงต้องขอคารวะ หลังมีข้อสงสัยเล็กๆ มาหลายเพลากับชื่อชั้นที่ดูอาจจะเกินตัวไปหน่อย
หากนับแต่สิ่งดีงามของเกมส์ นอกจากความบันเทิง และ ภาพรวมของแนวรุกแล้ว กลับมีสิ่งหนึ่งให้กังวลเล็กๆ

ในมุมมองของผม ทัศนคติกับการตั้งรับ หลังนำขาด ดูน่าสนอกสนใจไม่น้อย
เพราะทั้งสองลูกที่เราโดนกระทุ้งนั้น เหมือนเราดูชะล่าใจเกินไปหรือเปล่า เราผ่อนคลายมากไปไหม !!!

ด้วยเหตุที่ทั้งสองลูกที่เราโดน หากเป็นเวลาปกติ ผมว่ามันไม่เหนือชั้น ขนาดเรารับมือไม่ไหวแน่
ดูจากคลีนชีทที่ เรน่า ได้รับ กับความเหนียวแน่นที่เราโชว์มามากมายกับทีมระดับหัวแถวก็พอ

ไอ้สองลูกเนี่ยแหล่ะ ที่ทำให้เกมส์นี้ กลับลดคุณภาพความอิ่มเอมจากชัยชนะไปไม่น้อย
เพราะหากเลือกได้ ผมคงชอบพอการชนะ 3-0 มากกว่า 5-2 เป็นแน่แท้ ... งานนี้เลยกร่อยไปนิดหน่อยในที

.......................................

หลังเกมส์ชำเรา เจ้าสัวน้อย กับ การพังสถิติมากมาย บวกฟอร์มการเล่นที่ดูเพลิดเพลิน คุณหวังอะไร !!!
ใช่เลย หากไล่เรียงกับสถิติ เรามีอะไรใหม่เกิดขึ้นบ้าง ... ประตูที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้

การลงเล่น ครบ 666 นัด ของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ แห่ง หงส์แดง เจมี่ คาร์ราเกอร์
การทำประตูติดกัน 5 นัด ของ เดิร์ค เคาท์ ที่เราห่างหายไปนับจากสมัย จอห์น อัลดริจด์ เมื่อปี 1989

การทำแฮททริคครั้งที่ 2 ของ มักซี่ โรว์ดิเกรซ ในรอบ 3 เกมส์ ซึ่งหากนับรวมถึงฟอร์มของทีม
นี่น่าจะเป็น “การกลับมาที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง” หลังจากที่เราทำได้ ที่ อิสตันบูล และ ถ้วยเอฟ เอ คัพ

ก็แหม !!! นะ จากท้ายตารางจนคนปรามาสว่างานนี้มีหวังลุ้นตกชั้น กลับมาลุ้นหูใหญ่ขนาดนี้
หากไม่เรียกว่าเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ หรือ จะให้บอกว่าตรูซมซานมาล่ะ พ่อคุณ !!!

อีก 2 นัด เท่านั้นซินะ ที่เราต้องอำลาพรีเมียร์ กับ ฤดูกาลแห่งความผันแปร
ทั้งเปลี่ยนผู้จัดการ 2 คน ทั้งเปลี่ยนเจ้าของ และผู้บริหาร รวมไปถึงการเปลี่ยนผู้ร่วมงานบางส่วน

การคาดเดาผลลัพท์เมื่อสิ้นฤดูกาลใกล้ถึงไคลแม๊กซ์ จนเชื่อว่าหลายคนอาจลุ้นจนเยี่ยวเหนียว
เอาน่า !!! ไม่ว่าอย่างไร หากฟ้าจะประทานให้ไปหูใหญ่อีกครั้ง ผมคงรับชะตากรรมนั้นด้วยความเต็มใจ

และถึงแม้อาจจะไม่ได้ไปซักถ้วยในเกมส์ยุโรปปีหน้า ส่วนตัวก็ไม่กังวลเท่าไหร่ !!!
เพราะจากทรงเกมส์ที่เกิดขึ้นในปลายฤดูกาลนี้ คนที่น่าจะกังวลไม่น่าจะเป็นพวกเรา

ใครจะไปรู้ เห็นฟอร์มอย่างนี้ อาจมีคนขี้แตกขี้แตน อยู่แถวโรงละครแห่งฝันเปียก แล้วก็ได้ .. ระวังตัวเถอะ เมิง !!!


ปล. หาก เดอะ คิง อ่านเจอข้อความนี้ ช่วยอะไร เดอะ คอป ซีกโลกฝั่งนี้ ซักนิด
ช่วยเอา ซัวร์เรส ไป ซีล๊อกซ์ หรือ ก๊อปปี้เหมือน เอาไว้อีกซัก 2-3 สำเนาด้วย เถ๊อะ.... กลัวเจ็บ จริงๆ เล๊ยยยยย

และหากลำบากไป ขอเป็นซื้อนักเตะประมาณนี้มาเสริม น่าจะทำให้นวนิยายหมายเลข 19 ของเราไม่ไกลเกิน
Pleasssssssssssssssssssssssssss.

ด้วยจิตคารวะ
มีดสั้นงมงายรัก


ข้อเขียนเหล่านี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเพียวๆ ใครชอบไม่ชอบ คิดเหมือนคิดต่าง ก็หากังวลไม่
ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นท์ ยกเว้นพวกเกรียนแตก หากมันเจ็บจี๊ด .. ช่วยนิ่งหน่อย เดี๋ยว เตะ !!!

_________________

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บทเปิดตัว


เปิดไปดูเล่นๆ ในคลังข้อมูลส่วนตัว กลับไปเจอเรื่องราวที่เคยเขียนเอาไว้ที่ หงส์มาร
สมัยเปิดตัวครั้งแรก ดูวันเวลาที่เอกสารโดนเซฟ ก็ล่วงเลยมา 3 ปี แล้วซิ นะ 15/5/2551 นู่นแน่ะ
เอามาเก็บๆ ไว้ ที่นี่เลยแล้วกัน


"ต้มถั่ว ใช้เถาว์ถั่วเป็นฟืน เกิดจากรากเหง้าเดียวกัน ไยต้องเผาผลาญกัน"

                อีกหนึ่งประโยคคลาสสิคของบรรณพิภพ จากปลายปากกาที่ตวัดและขีดเขี่ยขึ้น โดย มังกรแห่งนวนิยายกำลังภายใน  "โก้วเล้ง" บอกเล่าถึงเรื่องราวของพี่น้องที่แก่งแย่งช่วงชิงบัลลังค์ โดยหากจะมองย้อนกลับมาสู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ณ พุทธศักราช นี้ คงไม่มีทีมไหนในโลกที่ประสบชะตาเยี่ยงนี้เฉกเช่นทีมรัก ลิเวอร์พูล ของเรานี่เอง หนำซ้ำมันยังเกิดขึ้นในทุกหย่อมหญ้าบนปฐพี จากขอบฟ้าแสนไกลบนเขตคามกลิ่นอายผู้ดี ถึงอีกขอบซีกโลกบนผืนแผ่นดินแหลมทอง

                ด้านซีกโลกฝั่งตะวันตก นับจากวันแรกแห่งการเหยียบย่างเข้ามาของสองเจ้าของร่วมดูโออเมริกันชน ซึ่งเหมือนจะไปได้สวยกับสังเวียนลูกหนังอันเป็นที่รักแห่งนี้ รอบปีที่ผ่านมากลับกลายเป็นสโมสรที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของสองศัตรูร่วมที่มิอาจอยู่ร่วมฟ้า ใต้เงาแห่งความอึมครึม ปรากฏเค้ารางมหันตภัยอย่างเป็นระยะๆ จนมิอาจควบคุม ข่าวคราวร้ายๆ มักก่อเกิดอยู่เนืองๆ โดยมิได้รับการเยียวยาและมิอาจหาความชัดเจนได้ ทุกอย่างยืดเยื้อและไม่มีทีท่าจะหยุดนิ่ง แม้กระทั่งวันสิ้นสุดฤดูกาลก็ตาม ขาย ไม่ขาย หุ้น / สร้าง ไม่สร้าง สนาม / มี ไม่มี เงินในการไล่ล่าหาอาวุธยุทธภัณฑ์ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเลือนราง แม้จวบจนวันนี้ ใครจะเป็นคนอนุมัติงบประมาณ และเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ สำหรับการต่อเติมฝันอันแสนสวยงามของทีม ทีมอันพิเศษเยี่ยงนี้ นี่ยังไม่นับเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายที่ได้บังเกิดขึ้นในรอบฤดูที่ผ่านมา ทั้งการจากไปของมือขวาระดับอ๋อง อาการบาดเจ็บของเหล่าขุนพลแข้ง ในขณะที่บางส่วนเกิดอาการฟอร์มหล่นจนมิอาจเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น ไม่นับข่าวคราวร้ายๆ สวนกระแส อย่างการติดต่อกุนซือใหม่ และอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน

                ฝ่าฝันข้ามทิวฟ้ามายังดินแดนแหลมทอง เหล่า เดอะ คอป มากหน้าหลายตาต่างทยอยสู่เส้นทางแห่งฝัน เพื่อค้นหาความเป็นจริง บ้างเยื้องกรายมาอย่างแน่วแน่ เพื่อพบปัญหาสารพัน แต่รางคนกลับมาเพียงแค่หวังให้เกิดปาฏิหารย์ชั่วข้ามวัน อะไรเอยจสามารถพิสูจน์คุณธรรมน้ำมิตร หรือ พิสูจน์เรื่องราวเหล่านั้น คำตอบที่บังเกิดกลับไม่มี ต่างคนต่างมีเหตุผล ต่างคนต่างมีอีโก้ ซุบเปอร์อีโก้ ต่างหาก บ้างอ้างมีบอร์ดไว้เพื่อแสดงความเห็น บ้างอ้างมีสมองไว้เพื่อเสนอแนะ และอีกหลายๆ บ้างอ้าง ว่า มีบอร์ดไว้เพื่อรวมสมองที่ไม่เคยคิดเช่นกัน หลายๆ คนกล่าวอ้างว่ารักทีมมากมาย หลายๆ คนกล่าวอ้างว่ารักทีมขนาดที่ใครไม่เคยพบเจอ แต่หลายๆ อย่างกลับสะท้อนว่าที่จริงคุณไม่เคยสนทีมเลยด้วยซ้ำ เพราะคุณสนแต่อีโก้ และ ซุบเปอร์อีโก้ที่อยู่ในตัวคุณมากมายยิ่งกว่า หลายบอร์ดสบถใส่กันราวกับเด็กไร้การศึกษา ขณะที่อีกหลายบอร์ดพยายามปกป้องทีม แต่พร้อมที่จะเอาข่าวคราวในอีกบอร์ดมาเปิดเผย เพื่อแสดงความรัก หรือเพื่อแสดงตัวตน หากนี่คือพฤติกรรมของสเก๊าซ์เซอร์ตัวจริง ผมคงอดสูตัวตนมากมาย

                ย้อนกลับมาที่ตัวตนของคนเขียน ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแบบไหน คือ เดอะ คอป ที่ดี ผมไม่เคยรู้เลยว่ากองเชียร์ที่ดีควรเป็นเช่นไหน ซัพพอร์ทที่ดีควรเป็นเยี่ยงไร ในสายตาของพวกคุณผมอาจเป็นแค่เศษเดนเล็กๆ ด้วยซ้ำ กับการเป็นกองเชียร์ทีมที่เชียร์เกือบทั้งชีวิต ผมไม่เคยซื้อผ้าพันคอ เพราะผมไม่รู้จะเอาไปใช้ตอนไหน ขณะที่บ้านเราอากาศร้อนแสนเข็ญ ผมไม่เคยซื้อเสื้อเพราะผมไม่ชอบใส่เสื้ออะไรที่มีโลโก้ ถึงแม้จะภูมิใจแค่ไหนก็ตาม ขณะที่ของจริงราคาอาจทำให้ผมซื้อเสื้ออื่นๆ ได้ 10 ตัว ผมร้องเพลง You'll never walk alone ไม่ได้ แต่ผมทำของขวัญให้ใครๆ ด้วยบทเพลงนี้เสมอ คุณเริ่มสงสัยกันแล้วซิ แล้วผมเกี่ยวอะไร ในเมื่อผมอาจไม่เคยทำอะไรให้ทีมเลย ในสายตาของพวกคุณ ... ตลอดเวลาที่ผมมีและทีมมี ผมให้ได้แค่ไม่กี่อย่าง ผมร้องไห้ วันเกิดโศกนาฏกรรม ผมร้องไห้วันพ่ายแพ้บางเกม ในขณะเดียวผมก็พร้อมทีจะหัวเราะและยิ้มในวันที่ทีมชนะ หรือเสมอ ผมคงทำได้เท่านั้น ขณะเดียวกันสิ่งที่ผมทำได้คือให้แค่กำลังใจ ไม่ว่าเกมที่แพ้ จะมีนักเตะคนไหนไม่วิ่ง พลาดลูกยิงง่ายๆ หรือแม้แต่ทำเข้าประตูตัวเอง กับอีกบางภาพผมก็พร้อมจะตีรันฟันแทงทุกครั้งเมื่อยามใครบางคนทะเล่อทะล่าเข้ามาว่าทีมในบางเวลา ก็คงได้เท่านั้นเหมือนเช่นเคย

                ก็เขียนไม่เป็น เพราะไม่เคยเขียน ไม่เคยฝึกฝน หรือเรียนรู้ แต่ผมเชื่อว่าวันนึงผมคงเขียนได้ดีกว่านี้ ไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ทีมอย่างมากมาย เพราะผมไม่เคยทำทีมนอกจากในเกมส์ และผมเชื่อแค่ว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน หน้าที่ของคนรัก ก็ได้แค่รัก ส่วนเค้าจะรักหรือไม่รัก ก็คงไม่ใช่หน้าที่เรา ก็คงเพียงพอ หน้าที่ของคนเชียร์ทีมล่ะ ขอบเขตควรอยู่แค่ไหน อย่างเคยกล่าวอ้าง ไม่ทราบครับ เพราะไม่รู้ ว่าจริงๆ ขอบเขตแค่ไหนกันแน่ รู้เพียงอย่างเดียว เปิดใจให้กว้าง น้อมรับบางเรื่องราว และโต้เถียงพอสมควร

                ท้ายที่สุดเมื่อต้องถึงคราร่ำลาเสียที แค่ข้อคิดอย่างที่ผมคิดได้เล็กๆ จากโลกของผม "ต้มถั่ว ใช้เถาว์ถั่วเป็นฟืน เกิดจากรากเหง้าเดียวกัน ไยต้องเผาผลาญกัน" เริ่มจากเจ้าของดูโอมหาประลัย จนข้ามน้ำข้ามทะเลมามีปัญหาถึงทุ่งกุลาร้องไห้ แค่อยากบอกซักนิด ทุกคนเกิดจากรากเหง้าเดียวกัน คือ พันธุ์หงส์ แล้วจะเผาผลาญกันเพื่อเหตุใด ส่วนของบอร์ดบริหาร คุณชนะในธุรกิจแล้วคุณได้อะไร นอกจากร่ำรวย หรือ ชื่อเสียง เงินทองคือสิ่งที่คุณต้องการแค่นั้นเหรอ ขณะเดียวกันในอีกซีกโลก คุณเหยียบย่ำด่าทอกระแนะกระแหน๋รววมทั้งผรุสวาทกับกองเชียร์ทีมเดียวกัน คุณเหยียบย่ำนักเตะที่ทุ่มเท คุณไล่โคช ผมแค่อยากลองถาม ว่า มีข้อไหนที่คุณสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งที่เป็นอยู่บ้าง นอกจากเห่าหอน ก็เท่านั้น หากทุกคนแค่คิด ว่า ทุกอย่างก็เกิดจากต้นตอเดียวกันเท่านั้นได้ น่าจะถึงเวลาดีดีซักทีบ้าง เพราะอย่างน้อย จากหัวใจที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ของบางใจ น่าจะกลับมาหลอมรวม ให้เป็นพลังที่แน่วแน่เพื่อทีมอีกครั้งในฤดูกาลต่อไป

                ความฝัน ความหวัง และ ศรัทธา จะพาเราก้าวเดิน

                หากแม้ในโลกแห่งนวนิยายสามารถสรรค์สร้างประโยคดีดี
ให้ เซียวลี้ปวยตอ หรือ ลี้คิมฮวง ที่ผู้คนมากมายได้รู้จัก ใช้รำพึงรำพันถึงคนรักแล้วไซร้
ในโลกแห่งความเป็นจริงเยี่ยง ณ เพลานี้ คงบังเกิดเช่นกัน
จากประโยค "ชายชาตรีมีรักแท้ แม้ร้อยนางก็มิอาจทดแทน" คงเปรียบเปรยได้ดั่ง
"ชายชาตรีมีรักแท้ แม้ร้อยทีมก็มิอาจทดแทน" เยี่ยงนั้น เสมอมา

เซียวลี้ปวยตอ ขอคารวะ

อนุญาติเผยแพร่บทความนี้ ไปทุกที่เผื่อสมองของบางคนจะเปิดรับ
ไม่สนว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ถ้ารู้แล้วตามเจอ จะตามไปราวี ก็เท่านั้น

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หงส์แดงนิวส์ เบอร์ ห้า

เสร็จร้อนๆ จากคอมพ์ พร้อมวางแผงแล้วตอนนี้

ฮาบ้าง ไม่ฮาบ้าง ตามประสาคนหัวใจหงส์ตัวเล็กๆ
กัด จิก ผู้คนที่เป็นอริสโมสรและผู้เกี่ยวข้องทุกรูปแบบ

ได้แค่นี้ล่ะ ... เล่มนี้ โทษฐานงานสุมหัวเกินพลัง
ชิชิ... ทำมาเป็นทวงถามหน้าบอร์ด .. ทีใครทีมัน .. อย่าพลาดบ้างแล้วกัน .. (คริ คริ)



หนังสือพิมพ์เล่มนี้สนับสนุนโดย รัฐบาลตาฮีติ...
เกรียนคนไหน เอาไปเผยแพร่แล้วเกรียนแตก นั่นเรื่องของพวกเมิงงง

ส่วนท่านใดที่เอาไปเผยแพร่ เพื่อการอื่นใด ตามสบาย !!!
หากมีใครเกรียนระเบิด หรือ แต๋วลาก ไม่ต้องมาบอกหรอกนะ พ่อคุณ !!!

และเหมือนเดิม ยิ่งคอมเม้นท์น้อย ...ยิ่งออกช้า ... เอ้า !!!!
เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน ... คริ คริ .. หวังเนียน..

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน !!!

เหมือนเดิม ... แม้งานนี้จะถล่ม เบอร์มิ่งแฮม เละเทะ ถึง 5-0 แต่ เกรียนสยาม ก็ยังหาแพะได้
อ้ายสาดดดด !!! ยอมรับพวกเมิงจริงๆ ที่สรรหาแพะมาได้ทุกกรณี ทุกสถาณการณ์

โยงใยซะจนกรูเกือบเคลิ้ม แม่มมมม !!! เก่งสัด เพราะเล่นขุดเอา ราฟา มาด่า ยัน คาร์โรล์ล
หรือแม้แต่ คาร์ร่า แม่ง ... !!! ก็ไม่ละเว้น ไอ้พวกหัวกรวย เอ๊ยยยยยยย !!!

งง กันล่ะซิ ว่ามันด่ากันได้อย่างไร ... สำหรับพี่น้องที่มิค่อยออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ
มามะ ... ผมจะสาธยายให้ฟังคร่าวๆ พอเป็นกรณีศึกษา ว่าขนาด 5-0 แม่มม ยังสามารถ ยังงัย !!!

หลังจากแพะตัวพ่ออย่าง ลูคัส รอดตัว และแพะตัวรองๆ อย่าง มักซี่ กระทุ้งแฮททริค
เหล่า เกรียนสยาม เหลียวไปเหลียวมา คงเจอลูกที่ เคาท์ ยิง เลยได้โอกาส ฟัดกับ ราฟา ซะหน่อย

ด้วยถ้อยคำโยงใยว่านี่แม่มมม สัญชาติญาณนักฆ่าชัดๆ ราฟา โคตรง่าวที่ดันจับไปยืนปีก ...

แหมๆ อ้ายสัดกะม๋า ตอนนั้นเล่นหน้าเป้าคนเดียว คือ ตอร์เรส ขณะที่หน้าต่ำคือ กัปตันจี
ได้แต้มกันมาเท่าไหร่ ได้รอยยิ้มกันมากี่ครั้งกับแผนนี้ แล้วตอนนั้น เคาท์ ยืนตรงไหน

พวกเมิงคิดว่า จับ เคาท์ ไปยืนคู่ ตอร์เรส แล้วมันจะดีกว่านี้ หรือ อ้ายส้นตรีนนนนนน !!!
พวกเมิงจะยิ้ม จะยืดอกได้แบบฤดูที่ไม่แพ้ใครๆ จนได้ที่สองไหม ... อ้ายฟายยยย

ขณะเดียวกัน เรื่องราวของคาร์โรล์ล แม่มมม !!! ก็จัดให้โดยลืมสิ้นถึงวันที่เจ้าตัวยิงให้ยิ้ม 2 ลูก
ไอ้พวกเติบโตด้วยขี้เปียก ระบุ ว่า การที่ คาร์โรล์ล ไม่ได้ลง ทำให้รูปเกมส์สวยงาม

การต่อบอล์ลบนพื้นไหลลื่น น่าดู และ มีประสิทธิภาพ ... โอ๊ยยยย !!! กรูแทบคล้อยตาม
ไอ้ห่าจิก ... มันเกี่ยวกันตรงไหน ฟ่ะ มันก็แค่อีกทางเลือกของรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย

ที่ผ่านๆ มา คาร์โรล์ล เองก็ชนะลูกโหม่งครั้งแล้วครั้งเล่า และสร้างความได้เปรียบในหลายๆ คราว
งานนี้ไม่ลง จะให้โยนไปหาพระแสงที่ไหน ในเมื่อไม่มีจุดหมายให้โยน ก็เล่นตามพื้นเป็นปกติ

ขอโทษ !!! ถ้าเกมส์อย่างนี้ ไปเจอกับพวกเล่นภาคพื้นระดับอ๋อง อย่าง บาร์ซ่า เมิงคิดว่าจะไหลลื่นไหม
ไม่ต้องไกล เจอคราวที่แล้วกับ ปืนใหญ่ ลูกที่ตีเสมอ มันเริ่มต้นจากเคาะตามช่องหรืองัย

แม่มมม มันเกิดขึ้นเพราะ โรบินสัน สาดโด่งมาจนมาขลุกขลิกหน้าประตูและได้ลูกฟรีคิกก่อน

ไอ้สมองระยำที่สร้างสำนึกแค่ดีแต่เห่า เนี่ยยยย แม่มมม ไม่ได้ดู ไม่ได้เข้าใจเกมส์กันบ้างหรืองัย
เมิงงง กระสันอยากดูบอล์ลแบบที่พวกเมิงว่า เมิงช่วยไปตามเชียร์ บาร์ซ่า นู่น ไปเลยไป !!!

แม้แต่ คาร์ร่า ก็โดน ... ไอ้เหียกพวกนี้ แม่มมม กล้าที่จะบอกว่า คาร์ร่า คือ นักเตะที่ชอบสาดบอล์ลยาว
เคยมีคนบอกซะอีก ว่า หากมีคาร์ร่าอยู่ในทีม คุณจะไม่มีทางเห็นทรงบอล์ล Pass & Move

เพราะ คาร์ร่า โยนยาวและทำเสียของ จนเล่นบอล์ล Pass & Move ไม่ได้ .. โอ้โห !!!
แม่มมมม นอกจากไม่สำนึกในบุญคุณกับการป้องกัน การบล็อก คู่ต่อสู้ที่กระทำมากว่า 600 นัด

มันยังกล้าโชว์สมองกระบือ ราวแม่มม เป็น ปรมาจารย์แชงค์ลี่ย์ กลับชาติมาเกิด ต่างหาก
สงสัยแม่มม ชอบพวก อาร์เซนอล ที่โชว์เหนือหน้าประตูตัวเอง แล้วโดน บาร์ซ่า ยัดจนตกรอบมาแล้ว

อีกทั้งแม่มมม ยังไม่พาลออกมาวิจารณ์กับหลายๆ ครั้งที่ คาร์ร่า โยนเข้าเป้าแล้วทีมได้ประโยชน์
บอล์ลนะเฟ้ย …มันก็ต้องมีทุกมิติ ไม่ใช่จะสักเล่นกันตามพื้น ตามช่องลูกเดียว ไอ้เหียกกกก

ลูก 3-0 นั่นก็มาจากแนวหลัง เป็น สเคอร์เทล โยนมาให้ ซัวร์เรส ก่อนจะเปิดเข้ากบาล มักซี่
เก่งชิบ !!! ไอ้พวกจานไรรรร !!! อยากรู้ซะจริง ว่า ชีวิตตัวเองของพวกเมิง พวกเมิงทำอะไรสำเร็จหรือยัง …!!!

……………………………………….

อุ๊ย ตายยยยยยยย !!! เล่นซะยาวเลย กับกรณี เกรียนสยาม แห่ง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
กลับมาดูเรื่องราวของผู้เล่นนัดฟัด ลูกโลก เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาดีกว่า ว่า ไผเป็นไผ !!!

เพราะดูเหมือนว่า จะเป็นค่ำคืนที่ออกจะชื่นมื่นหัวใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังจุดประกายความหวังแห่งอนาคต
ทรงบอล์ลแบบ Pass & Move เริ่มแสดงศักยภาพ ทั้งไหลลื่น และ นวลเนียน

นักเตะต่างแสดงความมุ่งมั่น กระหายชัยชนะ และ ซื้อใจเหล่าสาวกทั่วทุกมุมโลก
ราวกับเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ที่หวังจะแสดงผลงานให้เข้าตา และ พยายามเข้าไปอยู่ในใจของเหล่า เดอะ คอป ถ้วนหน้า

ทั้งซีเนียร์และจูเนียร์ต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างผลงานน่าตะลึงอีกครา !!!

……………………………………….

การเล่นในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา กับการเจอกับ ทีมตราลูกโลก หาได้สร้างความหวั่นใจกับผู้เขียน
เพราะโดยสถิติ กับการไว้เนื้อเชื่อใจ เดอะ คิง ในการนำทัพ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเราจะไม่แพ้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หาได้ปิดประตูเสมอโดยพลัน เลยไม่ ... ก็แหม!!! นะ เด็กๆ เพียบ ใครจะไม่เผื่อบ้างล่ะ
ไอ้ใจน่ะ หวังถึงชนะ แต่โทษที ที่ 5-0 เนี่ยมันออกจะเกินคาดเดาไปมหาศาล เกินไปจนตั้งตัวไม่ติด ว่างั้น

และส่วนตัว ถือว่าเราค่อนข้างโชคดีที่เจอกับ เบอร์มิ่งแฮม ในช่วงเวลาอย่างนี้
การมีตัวเลือกน้อยของ เบอร์มิ่งแฮม บวกกับการเล่นในบ้านของเรากับเกมส์ที่ต้องส่งเด็กลงเยอะ

ช่างเป็นโอกาสเหมาะยิ่งนักในการเพิ่มแรงขับเคลื่อนในหัวจิตหัวใจได้อย่างยอดเยี่ยม
จนบางครั้งเกิดความคิดส่วนตัวลึกๆ ว่า อยากให้พวกที่เจ็บๆ น่ะ ปิดฤดูกาลไปเลย

เพราะช่วงนี้ช่างเป็นช่วงที่เหมาะยิ่งกับการปั้นเด็ก และ พัฒนา เพื่อเปิดประตูกว้างๆ
และรอต้อนรับขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ อย่างเต็มภาคภูมิ ในฤดูกาลหน้า ที่จะกรายมาถึงเดือนสิงหาคม

ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว ส่งเด็กลองมันให้หมด จะได้รู้กันไปข้างว่าใครผ่านและใครต้องรอเวลา
เพราะการเจอเกมส์แข่งขันจริงๆ คือ สุดยอดแห่งบทเรียนที่ไม่สามารถเจอได้ในสนามซ้อม

การเจอคู่แข่งที่ต่างคน ต่างเทคนิค ต่างลูกเล่น ในต่างสถานที่ จะเป็นตัวยกระดับผู้เล่นชั้นยอด
เหมือนบททดสอบ ว่า แท้จริงแล้ว ตกลง ตำแหน่งไหนที่เราขาด เราเกิน ... !!!

เพราะเท่าที่เห็น เดอะ คิง น่าจะปวดกบาลเล็กๆ อย่างน้อยก็หนึ่งตำแหน่ง คือ แนวรับด้านขวา
ที่ทั้ง 3 คน ต่างเป็นตัวเลือกที่ดูอึดอัด ยามเมื่อทั้งหมดเกิดอาการฟิตเต็มถังขึ้นมาพร้อมๆ กัน

อยากใส่ชื่อ จีเจ ก็เสียดาย แคลลี่ พอจะให้โอกาส แคลลี่ ฟลานาแกน ก็น่าสงสาร ... โอ๊ย ไม่อยากคิด !!!

เอาเป็นว่า แนวรับด้านนี้ เราตัดตัวเลือกในการค้นหาไปได้เลย ไปมองอะไรๆ อย่างอื่นแทน เหมาะกว่า
เพราะยังงัยๆ ความมันส์ของ แคลลี่ กับ จีเจ เองก็น่าจะเพียงพอในการเปิดแนวด้านนี้ได้ไม่ยาก

ขณะที่ ฟลานาแกน จะเป็นตัวเลือกที่ 3 หรือตัวเลือกแรกในบางเกมส์ก็คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไร ผมยังมอง ฟลานาแกน เป็นเช่นเดิม คือ ยังต้องการเกมส์ และบทพิสูจน์บางประการ

……………………………………….

อาจมีคนมองผมแปลกๆ ประหนึ่ง เกรียนสยาม แนวใหม่
ที่หาเรื่องหรือจ้องจับผิดผู้คน แม้เราจะชนะอย่างท่วมท้นถึง 5 ตุง กับรูปเกมส์ที่ดูเพลิดเพลิน

แต่ถ้ามีคนคอยติดตามผมอยู่บ้างจะเข้าใจ ว่าผมออกจะมองทีมอย่างเข้าใจ
หลงรักอย่างมีเหตุผลประกอบ และ ให้คอมเม้นท์ในหลายๆ เรื่องอย่างระแวดระวัง

มุมมองผม งานนี้เราเจอเกมส์ที่ไม่ยากนักจนเกินไป บวกกับเกมส์ในบ้าน ทำให้เราค่อนข้างสบาย
ไม่ต้องไกล แค่เจอ ปืนโต นัดที่แล้ว ทรงเกมส์ของทีม ยังดูไม่ได้ดีขนาดนี้

ขณะเดียวกันเด็กๆ ที่เจองานยากนัดที่แล้ว กับเจองานที่เบากว่าเป็นกองในนัดนี้
และถึงแม้จะเจองานไม่ชุกเท่าไหร่ แต่อาการหลุดก็ยังปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะ เจ้าหนูโรบินสัน

ซึ่งงานนี้เจอทั้งการกระชากหลุด หลบหาย และถึงขั้นหลงเหลี่ยมจนนำมาซึ่ง ใบเหลือง
ถามว่าพอใจไหม ... ผมตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า มากถึงที่สุด ตั้งแต่ทัศนคติการเล่น จนถึงรูปแบบ และ วิธีการ

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นคงต้องผ่านการเจียระไน อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในอีกหลายเกมส์
เพื่อหล่อหลอมให้เจ้าหนูคนนี้สามารถจองพื้นที่ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์

เพราะถ้ามีเพียงเท่านี้ การตกเป็นตัวสำรองเพื่อการเรียนรู้ ก็ยังเป็นเงื่อนไขที่เหมาะควรอยู่ หรือว่างัย !!!

……………………………………….

มีผู้คนทักท้วงมาพอประปราย ว่าหลายนัดแล้วที่ผมไม่ได้เขียนถึงคู่หูแดนกลาง
แหม !!! ด้วยความสัตย์จริง ผมกะว่ายังไงๆ นัดนี้ก็น่าจะได้เอ่ยซักนิด แบบเข้าใจไปเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น

เพราะ 2-3 แมทซ์ที่ผ่านมา แสบเรียกพี่ ดีเหลือเกิน กับคู่หู คู่โหด ลูคัส-สเปียร์ริ่ง

แต่ เป็นอีกครั้งที่หัวใจอยากอุทานแรงๆ ว่า บัดซบจริงๆ เลย ...
เพราะนัดนี้ เจอแนวรุก แย่งซีนแทบหมด จนกองกลางออกจะดูดรอปๆ ลงไปเล็กน้อย

ถึงแม้กระนั้นก็เหอะ เรื่องความขยันและการเข้าปะทะอย่างมีเชิง น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องให้เครดิตกับทั้งคู่
เพราะการเข้าในหลายๆ ที ทำให้รูปเกมส์เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ในหลายๆ คราว

ยิ่งลูกยิงไกลจนกระฉอกจนนำมาสู่ประตูแรกนะ เจ้าปั้ก .. บอกได้คำเดียว ว่า มันส์สะเด่า โคตรๆ
ทั้งทิศทาง ทั้งความแรง บวกความขยัน การทุ่มเท เอ็งมานแทบถอดแบบจาก เจอร์ราร์ด มาทั้งดุ้น

แต่ไม่ต้องเอาท่าแทคเกิ้ลแบบสองเท้ามาด้วยนะ ... อย่างนั้นบางกรณีมันโหดไป...(ฮา)

ไอ้หมอนี่ รับรองมันต้องยิงได้แน่ ... คนนี้ผมยืนยัน (แหม !!! ตรูเชียร์จนออกนอกหน้าแล้ว อ้ายหมอนี่)
ส่วน ลูคัส คงเป็นอีกครั้งที่ผมจะไม่พูดถึงอีกแล้ว (ฮา) เอาเป็นว่า งานไหนเข้าตาจะจะ จะเหลาให้ฟังซักครา

……………………………………….

พระเอกของงาน คือ 3 คน แห่งตระกูลสระเอซ ... กับ หนึ่งตระกูลเคาท์ ที่มันส์หยดทุกลมหายใจ
ตระกูลสระเอซ คือ ทั้ง ซัวร์เรส / โรดิเกรซ / เมย์ราเลส บวกกับ เดอะ เคาท์ วันนี้ดูแปลกตายิ่ง

ทุกคนลงเล่นราวประหนึ่งมีคำพูดติดปากของปรมาจารย์ บิล แชงค์ลี่ย์ กรอกหู
“ผ่านบอลไปให้คนเสื้อแดงที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วก็ไป” ประโยคสั้นๆ แต่มากล้นซึ่งปรัชญาฟุตบอล์ลขนานแท้

ดูจากแนววิ่งของทั้ง 4 คน แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือทีมที่เคยอยู่ในโซนตกชั้นมาก่อน
อีกทั้งหากมีการมาร์คตัวเกิดขึ้นจากคู่ต่อสู้ ไอ้หมอนั่นมันคง งง เพราะ 4 คนนี้มันพล่านไปทั่วสารทิศจริงๆ

ทั้งสองด้านบวกตรงกลาง ไม่มีทิศทางและตำแหน่งแน่นอน ราวกับว่าทุกคนคือ ตัวฟรี ที่เล่นจนน่าตะลึงลาน

งานนี้คงต้องยกความสุขให้ เหล่า เดอะ คอป ขณะที่ความดีความชอบทั้งมวล ผมยกให้เหล่านักเตะ
และที่ลืมไม่ได้ คือ เดอะ คิง ผู้ถ่ายทอดและเพาะปลูกรากเหง้าแห่งวิถีขึ้นกลางใจผู้คนอีกครั้ง

งานนี้ มันแค่ออกแขก ... ลิเกตัวพ่อออกโรงเมื่อไหร่ ได้มีสะท้านสะเทือนปฐพี กันบ้างล่ะวา

เพราะที่ลืมไม่ได้ นอกจากการที่ผู้เล่นประจำจะช่วยทีมอย่างมากมาย
เหล่าตัวสำรองที่น้อยครั้งจะได้รับเลือกอย่าง มักซี่ โรดิเกรซ ยังสามารถดึงสิ่งที่เย้ายวนใจออกมาโชว์ ซะงั้น

งานนี้หากเพาะบ่มมาไม่ดี การโชว์เหนือขนาดแฮททริค ใครฟ่ะ บังอาจกล้าทำนาย
แถมก่อนเกมส์ยังโดน พิธีกรทรู ปรามาสเสียอีก ว่าเป็นผู้เล่นที่มีประโยชน์น้อยที่สุดของฝั่ง ลิเวอร์พูล

แม่มมม พูดเหมือนกรูไม่มีใครๆ จนต้องส่งลงให้ครบ 11 ตัวจริงประมาณนั้น

ยิ่งเป็นแพะตัวพ่อคนหนึ่งของ เกรียนสยาม ด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม่มม ยี้ใส่ตั้งแต่เห็นรายชื่อ
แต่พอกดแฮททริคได้เท่านั้น หลายคนแม่มมม เงียบดั่งเป่าสาก ... เห่ากันไม่เป็นเลยหรือ พ่อคุณ !!!

……………………………………….

อีก 4 นัด ก่อนฤดูกาลจะหมดสิ้น จะลงเอยเยี่ยงไร คงไม่มีใครรู้คำตอบ
การเจองานยาก ทั้งจาก นิวคาสเซิล / ฟูแล่ม / สเปอร์ และ แอสตัน วิลล่า น่าจะบอกอะไรๆ เราได้

Pass & Move ของจริง หรือ ของปลอมทำเหมือน น่าจะได้รับการพิสูจน์ ในแต่ละนัดข้างหน้า
เด็กๆ พร้อม หรือ ไม่พร้อมกันแน่ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมเฝ้ามองอย่างจดจ่อ

และสุดท้าย เดอะ คิง จะพาเราไปอยู่ตรงไหน จะพาเราไปถึงที่ใด ทุกอย่างยังล้วนรอคำเฉลย
การห่างจาก สเปอร์ 3 แต้ม แต่พวกเค้ายังมีเกมส์ในมืออีกหนึ่งนัด จะเกิดอะไรอีก โอ๊ย สารพัดการลุ้น !!!

แต่ตอนนี้แค่สงสัยนิดเดียว ... ว่า เมิงจะหยุดรอทำไม.. รู้ไหม ว่า มันเสียววววววว !!!
เกิดจับพลัดจับผลูแซงป้ายเข้าที่ 5 จะมาร้องไห้กระจองอแงไม่ได้ นะเอย …

……………………………………….

ข้อเขียนเหล่านี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเพียวๆ ใครชอบไม่ชอบ คิดเหมือนคิดต่าง ก็หากังวลไม่
ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นท์ ยกเว้นพวกเกรียนแตก หากมันเจ็บจี๊ด .. ช่วยนิ่งหน่อย เดี๋ยว เตะ !!!

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

Junior on Drama !!!

หักมุมสุดๆ กับค่ำคืนแห่งความประทับใจ ที่เกิดขึ้น ณ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม
สังเวียนที่ หงส์แดง ไม่เคยบินสูง ซักครา ตั้งแต่สนามแห่งนี้ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาบนพื้นพิภพ

กับการพบกัน 5 ครั้งหลังสุด ตัวต่อตัว เราเองยังแพ้มาถึง 3 และเป็นผลเสมออีก 2
จะเรียกว่า เราออกจะแพ้ทาง ก็คงไม่เกินไปนัก เพราะ 10 ครั้งหลังที่เราเจอ เราชนะ ปืนโต ได้เพียงครั้งเดียว

หลังยืนไว้อาลัยให้กับ Danny Frizman บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพลพรรคปืนใหญ่ และเหตุการณ์ Hillsborough
เสียงนกหวีด ส่งสัญญาณเริ่มเกมส์ ถึงคราวทำงานอีกครา

.....................................................

จะว่าไป นี่คือ อีกหนึ่งใน สามแมทซ์ ที่ผมค่อนข้างเฝ้ามองด้วยใจระทึก

นัดเปิดบ้านยำ เรือใบสีฟ้า นั่นคือ แมทซ์แรก ...ส่วนการฟัดกับ ปืนใหญ่ ครั้งนี้ คือ แมทซ์ที่สอง
และอีกแมทซ์ คือ การรับมือกับ สเปอร์ ที่บ้าน กลางเดือนหน้า

ไม่ใช่กับเกมส์อื่นๆ จะดูไร้ความหมายหรือไม่น่าหลงใหล แต่ประการใด
หากแต่ 3 ทีม 3 แมตซ์นี้ คือการบ่งบอกบุคลิกของทีมประการหนึ่ง

เพราะหากได้รับผลงานที่ดีต่อเนื่อง นั่นหมายถึงการแสดงออกด้วยสกอร์และรูปเกมส์ ว่า
ไม่ว่าหน้าไหน ทีมคุณจะได้อันดับที่เท่าไหร่ในปีนี้ เมิงหมดสิทธิ์มองข้ามเราโดยเด็ดขาด

และงานนี้ โดยส่วนตัวก่อนเกมส์เริ่มต้น ผมนึกว่าจะได้ยลเกมส์แอคชั่นที่เร้าใจ
แต่ไหงกลับกลายเป็น ดราม่าซีรี่ย์ ที่มิอาจกระพริบตา ยัน 103 นาที

.....................................................

45 นาทีแรก กับ รูปแบบการเล่น โอกาส และ จินตนาการ
โทษที !! ผมมองไม่ออกซักนิด ว่า เราจะเดินออกจากสนามในสภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร

รูปเกมส์ ปืนใหญ่ ในครึ่งแรก แม่มมม !!! ลื่นไหลเป็นสายน้ำ แถมกระหน่ำซ้ำซัดดังห่าฝน
ผมได้แต่หวังใจว่าให้จบครึ่งแรกอย่างไว และให้ ไอ้ปืนโต กระทำในสิ่งที่คุ้นเคย

เพราะหากใครได้ดู ปืนโต ในช่วงหลังๆ บ้าง จะเห็นว่าหลายๆ นัด ปืนใหญ่ มักออกอาการ
หลังไล่ยำคู่ต่อสู้ แต่ไม่สามารถชำเราได้ ทรงเกมส์มักจะเปลี่ยน ขณะที่ผู้เล่นดูตื้อตันและหมดจินตนาการ

ไม่เท่านั้น ... เหมือนฟ้าจะมอบบททดสอบชิ้นใหญ่ให้กับพวกเรา อีกครั้ง

นาที ที่ 21 พอ ออเรลิโอ เดินกระเผลก ผมแทบไม่ต้องสืบ เพราะรู้กันโดยปกติ ว่า เจ็บอีกแล้ว ชัวร์ ..
ให้ตายซิ ... เหลือเด็ก 17 ขวบด้านซ้ายอย่าง แจ็ค โรบินสัน เนี่ยนะ ..จะรอดไหม หว่า !!!

ในเกมส์ใหญ่นอกบ้าน ที่มีกองเชียร์คู่แข่ง กว่า 50,000 คน ขณะสาวกของทีมตามมาไม่ถึง 4,000
เด็ก 17 ขวบ จะรับมือเยี่ยงไร เพราะส่วนตัวเอง หากเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ก็คงปอดกระเส่าไม่น้อย

จริงอยู่ ... เด็กคนนี้เคยลิ้มรสมาบ้างแล้วกับพรีเมียร์ชิพ สมัย ราฟา แต่คราวนี้มันต่างกันหน่า ว๊อยส์...!!!
คราวนั้นลงสู่เกมส์ราว 10 นาที แต่นี่ มัน 70 นาที เล่นเอาเกือบเต็มเกมส์เลย

แถมด้านนี้ ต้องคอยประกบตัวจี๊ดอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ จรวดทางเรียบ ที่ลือชา ซะงั้น งานนี้ต้องวัดหัวใจ

ยิ่งสัมผัสแรกๆ คนดูหลายคนอาจรู้สึกคล้ายๆ กับผม ว่า อิ๊บอ๋ายส์ แน่ .. หลงเหลี่ยม วัลคอตต์ จังๆ
แต่หลังจากปรับตัวได้ เออ.. ดูดีมีชาติตระกูลเหมือนกันนี่หว่า .. ไอ้หนู !!!

.....................................................

หลังเริ่มต้นใหม่ ใน 45 นาทีที่เหลือ...ไม่แปลกใจกับทรงบอล์ลของ ปืนโต ที่ดูเปลี่ยนไปอีกครา
เป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ที่ ปืนโต มักทำแต้มหล่นหายในระยะหลังๆ จนสาวกพันธ์แท้หลายคนเริ่มออกอาการชิน

มีหลายครั้งหลายจังหวะในครึ่งหลัง ที่เราตอบโต้ได้ดี และมีโอกาสจบสกอร์ไม่น้อย
แต่ดูเหมือนว่าทั้งโชคชะตาและจังหวะของผู้เล่นยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ... เลยพาลดูติดๆ ขัดๆ ชอบกล

นาที 58 กลับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เหล่า เดอะ คอป ทั่วโลกต่างวิตก

เมื่อ ฟลานาแกน อยู่ผิดที่ผิดเวลา และพยายามเข้าสกัดบอล์ลโด่งของพลพรรค ปืนใหญ่
ขณะที่ คาร์ร่า ที่เฝ้าระแวดระวังอยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ก็หวังเคลียร์กรณีนี้เช่นกัน

ผลคือ ศีรษะ ฟลานาแกน กระทบปลายคาง คาร์ร่า เข้าอย่างจัง ในจังหวะขึ้นโหม่ง
จนงานนี้ บุรุษเหล็กอย่าง คาร์ร่า ที่ทุ่มเทให้ทีมมากว่า 660 นัด ถึงหลับกลางอากาศ... แน่นิ่งจนน่ากลัว

เกมส์หยุดทันใด !!! กว่า 5 นาทีก่อนการย้าย คาร์ร่า ออกจากสนามเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย
ถ้าจะแพ้ก็ช่างมัน ...ขออย่างเดียว ให้ คาร์ร่า ปลอดภัย .. ผมนึกได้เท่านั้นจริงๆ


หลังเริ่มใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยน เฮียโส ลงแทน เพียง 9 นาที เราต้องเสียศูนย์หน้า ค่าตัว 35 ล้านปอนด์อีกคน
ฮ้ย !!! จะตลกอะไรกันนักกันหนา ... เปลี่ยน 3 ตัว เพราะ กรณีบาดเจ็บทั้งนั้น กะไม่ให้แก้เกมส์กันหรืออย่างไร !!!

เอ้า .. เอาให้หนำใจ จะเกิดอะไรก็ช่าง แม่มมม ช่างดูเหมือนวันเจอ เวสต์ บรอมวิซฯ มาก ผมพาลคิดไปนู่น !!!

แต่ไคลแมกซ์ของจริงกลับเริ่มต้นเมื่อนาที ที่ 90+7 เมื่อ เจ้าปั้ก สเปียร์ริ่ง พลาดท่า เสียจุดโทษ
ร้อยทั้งร้อย ต่างคิดว่าเกมส์จบทันที ที่ ฟาน เพอร์ซี่ กระทุ้งลูกบอล์ลเข้าสู่ก้นตาข่าย

งานนี้ เปเป้ หมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง ทั้งๆ ที่ วันนี้ช่วยชีวิตทีมไว้หลายต่อหลายครา
แม้ตัวผมเอง ยังคิดอยู่ในใจเลย ว่า จบลงแล้ว ...ให้ตายซิ !!!

พาลคิดต่อทันใดว่า ถึงแพ้ด้วยรูปเกมส์อย่างนี้ กับความพยายามแบบนี้ ถึงแพ้ผมก็ภูมิใจ ว่ะ
และ ดราม่าซีรี่ย์ ก็เริ่มเปิดตัวฉากจบ ในแบบที่ทุกคนมิอาจคาดเดา..!!

การได้ ฟรีคิก ระยะเส้นกรอบโทษ เหมือนเป็นรางวัลปลอบใจระดับหนึ่ง เพื่อให้เกิดความหวัง
แต่การได้จุดโทษจากลูกต่อเนื่องจากนั้น ... แม่มมม ไม่รู้จะสรรถ้อยคำไหน มาอธิบาย

โครตกระชากอารมณ์สุดตรีน เหลือเกิน ...!!!

.....................................................

จากแพ้ 1-0 เป็นเสมอ 1-1 นับว่าสมควรด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นผลพวงที่น่าจะคุ้มค่ามหาศาล
เรื่องแรก คือ ผลพวงของการลดบาปในใจ ที่อาจเกิดขึ้นกับนักเตะจูเนียร์ อย่าง สเปียร์ริ่ง และ ฟลานาแกน

เพราะหากมีผลแพ้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า เด็กๆ จะรู้สึกเยี่ยงไร

เพราะหากหัวจิตหัวใจไม่แข็งพอ อาจเป็นการทำร้ายเด็กๆ อย่างยากเยียวยา
การพบกับประสบการณ์ร้ายๆ อาจบั่นทอนหลายๆ อย่าง ในมุมที่เรามิอาจคาดเดา

ส่วน เรื่องที่สอง ที่พอจะมองเห็น คือ การแสดงออกถึงหัวจิตหัวใจนักสู้ ที่เราค่อนข้างห่างหายไปนาน
เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เราได้ประตูในนาทีสุดท้าย เนี่ย !!! มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ในขณะเดียวกันก็พาลจำไม่ได้ ว่า เราเอาคืนเร็วที่สุดนั้น ใช้เวลากี่นาที เพราะงานนี้เราใช้แค่ 2 นาที
แม่มมม !!! ช่างเป็น 2 นาทีที่ โคตรดราม่า ยิ่งนัก อีกทั้งเป็น 2 นาทีที่แทบฝัง ปืนใหญ่ ทั้งเป็น

งานนี้ เล่นเอา เจ๊แหวง ที่หมายมั่นปั้นมือกับการชำเราพวกเรา เพื่อไล่ตาม สัมภเวสี ถึงออกอาการ
สภาพจิตใจ เจ๊ น่าจะประหนึ่งโดนข่มขืนทางทวารโดยนิโกรร่างยักษ์ 7 คน

หากใครได้เห็นภาพตอน เจ๊ แกนั่งลุ้น เดอะ เคาท์ ซัดจุดโทษ..คงเข้าใจถึงความรู้สึก เจ๊ เป็นอย่างดี
เพราะดูหมดสภาพนักศึกษา / สิ้นหวัง / ไม่เชื่อสายตา ... พาลถึง อยากตายยยยยยยยย !!! เอาดื้อๆ นะนั่น

.....................................................

คงจะว่ากันอย่างรวบรัดหน่อย กับรูปเกมส์และเหล่าจูเนียร์ ตระกูล เจ ทั้งหลาย

หลายๆ คนออกอาการดี๊ด๊า ชื่นชม และ สรรเสริญเยินยอ กันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะ เจย์ สปียร์ริ่ง ที่นัดนี้ ผมยกให้เป็น Man of The Match คู่กับ เปเป้ เรน่า

เรื่อง เจ้าปั้ก เนี่ย ออกจะไร้คำบรรยาย เพราะความขยัน อาการใจสู้ เนี่ย แทบถอดพิมพ์จาก เจอร์ราร์ด
แถมไม่มีหมดเหมือน เดอะ เคาท์ ... เด็กลิเวอร์พัดเลี่ยน เนี่ย มันวิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อยแทบทั้งนั้น หรือ !!!

แม้จะทำให้ทีมเสียจุดโทษ แต่คงไม่เกินเลยซักนิดที่จะตบรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมส์
งานนี้ ถึงแพ้ ผมก็ไม่มีอะไรจะตำหนิ... กับ ภาพรวม และ พลัง

คนบร้าไร วะ วิ่งแม่มมทั่วไปหมด พล่านตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย รุ่นนี้มันใช้ถ่าน หรือ ไขลาน !!!

เอาเป็นว่า เด็กคนนี้ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว กับความสามารถอันเอกอุที่ได้แสดงออก
นับว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่น่าจับตามอง และหวังว่าจะก้าวผ่านขั้นต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

หากพัฒนาการยังไม่หยุดยั้ง เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นยอดมิดฟิลด์ที่น่าตะลึงคนหนึ่งในโลกลูกหนัง เชื่อไหม !!!

หันกลับมาแล ฟูลแบ็ค สองข้างกันบ้างดีกว่า... จอห์น ฟลานาแกน กับ แจ็ค โรบินสัน
ในมุมของผม .. ณ วันนี้ เด็กหนุ่มทั้งคู่ คือ อนาคตชั้นดี ... แต่ อนาคต นะ ครับ หาใช่ปัจจุบัน !!

เพราะหลายๆ จังหวะของเกมส์นี้ จะเห็นได้ว่า พวกเค้ายังแกร่งไม่พอ
รูปเกมส์ตรงกลางเกิดช่องว่างมากมาย จนเราเริ่มเกมส์อย่างที่เราควรทำไม่ได้ ..

เพราะกองกลางทั้งแผงต้องคอยลงมาช่วยประคับประคองฟูลแบ็คทั้งคู่ จนเกิดอาการต่อไม่ติด
ยิ่งเจอตัวจี๊ด ตัวจัด ของพลพรรค ปืนโต ยิ่งทำให้เห็นรอยโหว่ และ ข้อผิดพลาด พอควร

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น นี่คือเกมส์แรกๆ ของพวกเค้า แถมยังเป็นเกมส์ใหญ่ที่กดดันมหาศาล
ซึ่งหวังว่าก่อนฤดูกาลจะจบ พวกเค้าจะเติบโตและแกร่งขึ้น สมกับที่เหล่า เดอะ คอป ตั้งตาคอย

รวมทั้งอีกหนึ่ง ตระกูล เจ อย่าง เชลวี่ .. เด็กหนุ่มที่ได้รับการอวยอย่างยิ่งในแวดวงสื่อเมืองผู้ดีด้วย
ที่คงต้องเร่งผลิตฟอร์ม เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองพอสมควร

เพราะหากอยากสอดแทรกขึ้นสู่ชุดใหญ่ของทีม คงต้องดีกว่านี้ และ ต้องมีมากกว่าที่เห็น

และหาใช่เป็นเรื่องยากเกินไปไม่ .. เพราะ ด้วยมือ เดอะ คิง ...เรื่องราวยากเย็น ล้วนง่ายดาย !!!

.....................................................

สิ่งที่หลงเหลือจาก แมตซ์แห่งดราม่า นี้ คงไม่มีอะไรมากมาย นอกจากความทรงจำดีดี อีกครั้ง
การได้เห็นเด็กๆ ลงเล่น ด้วยทัศนคติงดงาม การเห็นทีมกระหาย และ ไม่ย่อท้อ

การได้ซึมซับการจบลงของเกมส์ในมุมหักศอกแบบเหลือเชื่อ ถือเป็นของขวัญอีกชิ้น
ที่สร้างความสุขใจให้กับ เดอะ คอป ทั่วมุมโลก เป็นอีกอารมณ์ความสุขที่ยิ่งกว่าชัยชนะ

การได้เห็นเค้าลางแห่งความสำเร็จ และ รอยทางที่ควรค่า กลับสร้างความหวังเล็กๆ ให้บังเกิด
งานนี้ ผมเทสุดลิ่มทิ่มประตู ว่า ใครบังอาจตัด หงส์แดง จากสารบบ ท๊อปโฟร์ เมิงได้เห็นดีกันแน่ !!!

ช้าสุดก็ฤดูกาลหน้า เครื่องจักรสีแดง น่าจะออกตัวล้อฟรี !!! ถึงวันนั้นอย่ามาหาว่า ไม่เตือน ก็แล้วกัน …!!!

.....................................................



* อย่าแปลกใจ !!! ที่ข้อเขียนชิ้นนี้ไม่มีเหลี่ยมไหน ออกอาการอัดเกรียน
อาจพาลดูสุภาพไปด้วยซ้ำ กับถ้อยคำสำนวนที่ใช้ .. แต่ หาใช่เพราะกินยาลืมเขย่าขวด
ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ กับผู้หวังจะเข้ามาพบเจอ สิ่งที่ขาดหายไป...
เชื่อเหอะ !!! ยังเหมือนเดิม ไอ้เรื่องปากเนี่ยยยย มันไม่หายกันง่ายๆ หรอก น่า ... สัญญา

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ (มีดบินงมงายรัก)

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา...ราฟา เบนิเตซ

อักขระต่อไปนี้ หากมีส่วนแห่งความดีเกิดขึ้นบ้าง
ขอส่วนความดีทั้งมวลเหล่านั้น อุทิศให้แก่ผู้ที่จากไปทั้ง กรณีฮิลล์โบโร่ และ เฮย์เซล์ล

........................................

เคยสงสัยกันบ้างไหม !!! เหตุใดชายสเปนผู้เอกอุในโลกลูกหนังคนหนึ่ง
อย่าง ราฟา เบนิเตซ ถึงได้มอบกายถวายหัวใจ และ แสดงออกถึงการเป็น สเก๊าเซอร์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

ชายผู้มีค่อนชีวิต อยู่ในวังวนแห่งเกมส์ลูกหนังของสเปนลีค ใยถึงผูกพันกับสโมสรแห่งนี้เหลือเกิน
ทั้งๆ ที่เข้ามาอยู่กับสโมสรเพียง 5 ฤดุกาล...

แต่การแสดงออก…
กลับดูดีกว่าเหลือบไรที่บอกรักสโมสรมาเป็นสิบๆ ปี แบบที่ เกรียนสยาม ชอบพล่ามสร้างภาพ

อย่าได้ถามผม !!! เพราะผมคงหาคำตอบที่แท้จริงให้ท่านๆ ไม่ได้
แต่... ผมเชื่อว่าผมอาจคาดเดาไม่ผิดเกินไปนัก

มีคำพูดของ บิล แชงค์ลี่ย์ ปรมาจารย์แห่งสถาบัน ลิเวอร์พูล เคยกล่าว ว่า

" Some people believe football is a matter of life and death,
I am very disappointed with that attitude. I can assure you it is much, much more important than that."

“ผู้คนบางคนเชื่อว่า ฟุตบอลเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย
ผมรู้สึกผิดหวังกับทัศนคตินั้นเหลือเกิน ผมบอกคุณได้เลยว่า มันสำคัญกว่านั้นโครตๆ”

อะไร คือ สำคัญกว่านั้น !!! อะไร คือ ยิ่งกว่าชีวิต และ ความตาย !!!

ผมว่า เอลบอส ราฟา เบนิเตซ ได้เข้าถึงแห่งสัจธรรมนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องราวของยอดทีมเช่นเรา

ประวัติศาสตร์ และ เรื่องราวของทีม มันมีอะไรๆ ให้เราได้ศึกษา มีข้อคิด และเกิดความผูกพันได้ไม่ยาก
หากผู้ถวายกายพลีใจเป็นสาวกหงส์ทั้งมวล อยากร่วมซึมซับ ก็มีแบบแปลไทยให้ค้นคว้าไม่น้อย

การรับรู้ในแง่มุมลึกซึ้ง ทั้งเรื่องราวน่าเศร้า หรือ เรื่องน่ายินดีสุดขั้ว แต่ละบทต่างมีนิยามต่างกัน

สืบค้นที่มาที่ไป รวมถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้สูญเสียในบางกรณี
บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์ร่วมกับผม ยามผมออกปากด่าสื่อไร้จริยธรรมบางตัว

เพราะหากคิดจะเชียร์เพียงเพื่อการเพรียกหาถ้วยแชมป์มาประดับบารมี ผมว่าออกจะไร้สาระไปหน่อย
อีกทั้งยังแสดงออกถึงความคิดอันตื้นเขิน ที่ไร้ความผูกพันทางจิตใจอย่างน่าตบกบาล

เรามีดีกว่านั้น ... เชื่อซิ !!!

........................................

"I was the best manager in Britain because I was never devious or cheated anyone.
I'd break my wife's legs if I played against her, but I'd never cheat her." : Bill Shankly

“ผมคือผู้จัดการที่ดีที่สุดในอังกฤษ เพราะผมไม่เคยคิดคดหรือจ้องโกงผู้ใด
ผมจะหักขาภรรยา หากผมต้องลงแข่งกับเธอ แต่ผมจะไม่โกงเธอ” : บิล แชงค์ลี่ย์

แค่ประโยคนี้ ไอ้ผู้จัดการบางคนที่ว่าเก่งนักเก่งหนา มันยังเสนอหน้าออกมาเถียงไม่ได้เล๊ยยยยย

ถ้าทีมตัวเองได้เปรียบ ได้ประโยชน์ ล่ะ ก้อ เงี๊ยบบบ เงียบ แต่ถ้าตัวเองเสียประโยชน์เมื่อไหร่
คิดเป็นแค่... ต้องโทษกรรมการ โทษนั่น โทษนี่ ... ยกเว้นเรื่องเดียว คือ แม่มมม ไม่โทษตัวเอง !!!

ถ้าลูกทีมแม่มมม โดนทำฟาวล์ แม่มมม โวยยังกับลูกทีม แม่มมมม ตาย
แต่เวลาลูกทีมตัวเองทำคนอื่นเดี้ยง 6 เดือนของจริง แม่มม เสือกเงียบดั่งตรีนนนน อุดปาก

ไอ้ส้นตรีนนนนนนนนนนนน !!! เอ๊ยยยยยยยยยยยยยย

........................................

มีหลายคน ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ หลายคนยังไม่เคยได้รับรู้อย่างลึกซึ้ง

บางคนเพิ่งแอบหลงรัก เมื่อ ถ้วยเอฟ เอ ล่าสุด หรือ บางคนเริ่มต้นที่ อิสตันบูล
ขณะที่บางคนอาจไปไกลหน่อย คือ เมื่อตอนได้ 3 ถ้วย สมัย อุลลิเย่ต์

ลองค้นคว้าซักนิด ลองศึกษาเพิ่มซักหน่อย กับความเป็นไปเป็นมาของทีม
ลองหาประวัติผู้คนเก่าๆ ทั้งฐานะนักเตะ หรือ ผู้จัดการ เอามาอ่าน เอามาศึกษา

ลองหาบางประโยคของผู้คนที่เกี่ยวข้อง บางคำอาจกินใจขนาดน้ำตาพาลไหลไม่รู้ตัว และ
บางทีการได้แชมป์พรีเมียร์อาจเป็นเรื่องรองๆ ไปเลยทีเดียว

เพราะ คำว่า ลิเวอร์พูล มันให้อะไรๆ กับเรามากกว่าที่คุณจะสามารถคิดออกตอนนี้
ลองศึกษาแบบชาย 5 ฤดูกาลค้นคว้า แล้วคุณจะเข้าใจ ว่า ทำไม เบนิเตซ ถึงรัก เรา !!!

และที่สุดคุณจะบอกตัวเองได้ ว่า “ทำไมต้องเป็นลิเวอร์พูลทีมเดียวเท่านั้นที่คุณควรรัก”

........................................

ท้ายสุดนี้ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวน สำหรับผู้คนที่เข้าใจ และ ศึกษาเรื่องราวต่างๆ แล้ว
ขณะเดียวกัน ก็หวังใจว่า ผู้คนรุ่นใหม่ๆ จะเกิดแรงบันดาลใจ ในการค้นคว้า หาเรื่องราวต่างๆ มาศึกษา

ด้วยจิตคารวะ
มีดสั้นงมงายรัก