วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน !!!

เหมือนเดิม ... แม้งานนี้จะถล่ม เบอร์มิ่งแฮม เละเทะ ถึง 5-0 แต่ เกรียนสยาม ก็ยังหาแพะได้
อ้ายสาดดดด !!! ยอมรับพวกเมิงจริงๆ ที่สรรหาแพะมาได้ทุกกรณี ทุกสถาณการณ์

โยงใยซะจนกรูเกือบเคลิ้ม แม่มมมม !!! เก่งสัด เพราะเล่นขุดเอา ราฟา มาด่า ยัน คาร์โรล์ล
หรือแม้แต่ คาร์ร่า แม่ง ... !!! ก็ไม่ละเว้น ไอ้พวกหัวกรวย เอ๊ยยยยยยย !!!

งง กันล่ะซิ ว่ามันด่ากันได้อย่างไร ... สำหรับพี่น้องที่มิค่อยออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ
มามะ ... ผมจะสาธยายให้ฟังคร่าวๆ พอเป็นกรณีศึกษา ว่าขนาด 5-0 แม่มม ยังสามารถ ยังงัย !!!

หลังจากแพะตัวพ่ออย่าง ลูคัส รอดตัว และแพะตัวรองๆ อย่าง มักซี่ กระทุ้งแฮททริค
เหล่า เกรียนสยาม เหลียวไปเหลียวมา คงเจอลูกที่ เคาท์ ยิง เลยได้โอกาส ฟัดกับ ราฟา ซะหน่อย

ด้วยถ้อยคำโยงใยว่านี่แม่มมม สัญชาติญาณนักฆ่าชัดๆ ราฟา โคตรง่าวที่ดันจับไปยืนปีก ...

แหมๆ อ้ายสัดกะม๋า ตอนนั้นเล่นหน้าเป้าคนเดียว คือ ตอร์เรส ขณะที่หน้าต่ำคือ กัปตันจี
ได้แต้มกันมาเท่าไหร่ ได้รอยยิ้มกันมากี่ครั้งกับแผนนี้ แล้วตอนนั้น เคาท์ ยืนตรงไหน

พวกเมิงคิดว่า จับ เคาท์ ไปยืนคู่ ตอร์เรส แล้วมันจะดีกว่านี้ หรือ อ้ายส้นตรีนนนนนน !!!
พวกเมิงจะยิ้ม จะยืดอกได้แบบฤดูที่ไม่แพ้ใครๆ จนได้ที่สองไหม ... อ้ายฟายยยย

ขณะเดียวกัน เรื่องราวของคาร์โรล์ล แม่มมม !!! ก็จัดให้โดยลืมสิ้นถึงวันที่เจ้าตัวยิงให้ยิ้ม 2 ลูก
ไอ้พวกเติบโตด้วยขี้เปียก ระบุ ว่า การที่ คาร์โรล์ล ไม่ได้ลง ทำให้รูปเกมส์สวยงาม

การต่อบอล์ลบนพื้นไหลลื่น น่าดู และ มีประสิทธิภาพ ... โอ๊ยยยย !!! กรูแทบคล้อยตาม
ไอ้ห่าจิก ... มันเกี่ยวกันตรงไหน ฟ่ะ มันก็แค่อีกทางเลือกของรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย

ที่ผ่านๆ มา คาร์โรล์ล เองก็ชนะลูกโหม่งครั้งแล้วครั้งเล่า และสร้างความได้เปรียบในหลายๆ คราว
งานนี้ไม่ลง จะให้โยนไปหาพระแสงที่ไหน ในเมื่อไม่มีจุดหมายให้โยน ก็เล่นตามพื้นเป็นปกติ

ขอโทษ !!! ถ้าเกมส์อย่างนี้ ไปเจอกับพวกเล่นภาคพื้นระดับอ๋อง อย่าง บาร์ซ่า เมิงคิดว่าจะไหลลื่นไหม
ไม่ต้องไกล เจอคราวที่แล้วกับ ปืนใหญ่ ลูกที่ตีเสมอ มันเริ่มต้นจากเคาะตามช่องหรืองัย

แม่มมม มันเกิดขึ้นเพราะ โรบินสัน สาดโด่งมาจนมาขลุกขลิกหน้าประตูและได้ลูกฟรีคิกก่อน

ไอ้สมองระยำที่สร้างสำนึกแค่ดีแต่เห่า เนี่ยยยย แม่มมม ไม่ได้ดู ไม่ได้เข้าใจเกมส์กันบ้างหรืองัย
เมิงงง กระสันอยากดูบอล์ลแบบที่พวกเมิงว่า เมิงช่วยไปตามเชียร์ บาร์ซ่า นู่น ไปเลยไป !!!

แม้แต่ คาร์ร่า ก็โดน ... ไอ้เหียกพวกนี้ แม่มมม กล้าที่จะบอกว่า คาร์ร่า คือ นักเตะที่ชอบสาดบอล์ลยาว
เคยมีคนบอกซะอีก ว่า หากมีคาร์ร่าอยู่ในทีม คุณจะไม่มีทางเห็นทรงบอล์ล Pass & Move

เพราะ คาร์ร่า โยนยาวและทำเสียของ จนเล่นบอล์ล Pass & Move ไม่ได้ .. โอ้โห !!!
แม่มมมม นอกจากไม่สำนึกในบุญคุณกับการป้องกัน การบล็อก คู่ต่อสู้ที่กระทำมากว่า 600 นัด

มันยังกล้าโชว์สมองกระบือ ราวแม่มม เป็น ปรมาจารย์แชงค์ลี่ย์ กลับชาติมาเกิด ต่างหาก
สงสัยแม่มม ชอบพวก อาร์เซนอล ที่โชว์เหนือหน้าประตูตัวเอง แล้วโดน บาร์ซ่า ยัดจนตกรอบมาแล้ว

อีกทั้งแม่มมม ยังไม่พาลออกมาวิจารณ์กับหลายๆ ครั้งที่ คาร์ร่า โยนเข้าเป้าแล้วทีมได้ประโยชน์
บอล์ลนะเฟ้ย …มันก็ต้องมีทุกมิติ ไม่ใช่จะสักเล่นกันตามพื้น ตามช่องลูกเดียว ไอ้เหียกกกก

ลูก 3-0 นั่นก็มาจากแนวหลัง เป็น สเคอร์เทล โยนมาให้ ซัวร์เรส ก่อนจะเปิดเข้ากบาล มักซี่
เก่งชิบ !!! ไอ้พวกจานไรรรร !!! อยากรู้ซะจริง ว่า ชีวิตตัวเองของพวกเมิง พวกเมิงทำอะไรสำเร็จหรือยัง …!!!

……………………………………….

อุ๊ย ตายยยยยยยย !!! เล่นซะยาวเลย กับกรณี เกรียนสยาม แห่ง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
กลับมาดูเรื่องราวของผู้เล่นนัดฟัด ลูกโลก เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาดีกว่า ว่า ไผเป็นไผ !!!

เพราะดูเหมือนว่า จะเป็นค่ำคืนที่ออกจะชื่นมื่นหัวใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังจุดประกายความหวังแห่งอนาคต
ทรงบอล์ลแบบ Pass & Move เริ่มแสดงศักยภาพ ทั้งไหลลื่น และ นวลเนียน

นักเตะต่างแสดงความมุ่งมั่น กระหายชัยชนะ และ ซื้อใจเหล่าสาวกทั่วทุกมุมโลก
ราวกับเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ที่หวังจะแสดงผลงานให้เข้าตา และ พยายามเข้าไปอยู่ในใจของเหล่า เดอะ คอป ถ้วนหน้า

ทั้งซีเนียร์และจูเนียร์ต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างผลงานน่าตะลึงอีกครา !!!

……………………………………….

การเล่นในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา กับการเจอกับ ทีมตราลูกโลก หาได้สร้างความหวั่นใจกับผู้เขียน
เพราะโดยสถิติ กับการไว้เนื้อเชื่อใจ เดอะ คิง ในการนำทัพ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเราจะไม่แพ้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หาได้ปิดประตูเสมอโดยพลัน เลยไม่ ... ก็แหม!!! นะ เด็กๆ เพียบ ใครจะไม่เผื่อบ้างล่ะ
ไอ้ใจน่ะ หวังถึงชนะ แต่โทษที ที่ 5-0 เนี่ยมันออกจะเกินคาดเดาไปมหาศาล เกินไปจนตั้งตัวไม่ติด ว่างั้น

และส่วนตัว ถือว่าเราค่อนข้างโชคดีที่เจอกับ เบอร์มิ่งแฮม ในช่วงเวลาอย่างนี้
การมีตัวเลือกน้อยของ เบอร์มิ่งแฮม บวกกับการเล่นในบ้านของเรากับเกมส์ที่ต้องส่งเด็กลงเยอะ

ช่างเป็นโอกาสเหมาะยิ่งนักในการเพิ่มแรงขับเคลื่อนในหัวจิตหัวใจได้อย่างยอดเยี่ยม
จนบางครั้งเกิดความคิดส่วนตัวลึกๆ ว่า อยากให้พวกที่เจ็บๆ น่ะ ปิดฤดูกาลไปเลย

เพราะช่วงนี้ช่างเป็นช่วงที่เหมาะยิ่งกับการปั้นเด็ก และ พัฒนา เพื่อเปิดประตูกว้างๆ
และรอต้อนรับขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ อย่างเต็มภาคภูมิ ในฤดูกาลหน้า ที่จะกรายมาถึงเดือนสิงหาคม

ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว ส่งเด็กลองมันให้หมด จะได้รู้กันไปข้างว่าใครผ่านและใครต้องรอเวลา
เพราะการเจอเกมส์แข่งขันจริงๆ คือ สุดยอดแห่งบทเรียนที่ไม่สามารถเจอได้ในสนามซ้อม

การเจอคู่แข่งที่ต่างคน ต่างเทคนิค ต่างลูกเล่น ในต่างสถานที่ จะเป็นตัวยกระดับผู้เล่นชั้นยอด
เหมือนบททดสอบ ว่า แท้จริงแล้ว ตกลง ตำแหน่งไหนที่เราขาด เราเกิน ... !!!

เพราะเท่าที่เห็น เดอะ คิง น่าจะปวดกบาลเล็กๆ อย่างน้อยก็หนึ่งตำแหน่ง คือ แนวรับด้านขวา
ที่ทั้ง 3 คน ต่างเป็นตัวเลือกที่ดูอึดอัด ยามเมื่อทั้งหมดเกิดอาการฟิตเต็มถังขึ้นมาพร้อมๆ กัน

อยากใส่ชื่อ จีเจ ก็เสียดาย แคลลี่ พอจะให้โอกาส แคลลี่ ฟลานาแกน ก็น่าสงสาร ... โอ๊ย ไม่อยากคิด !!!

เอาเป็นว่า แนวรับด้านนี้ เราตัดตัวเลือกในการค้นหาไปได้เลย ไปมองอะไรๆ อย่างอื่นแทน เหมาะกว่า
เพราะยังงัยๆ ความมันส์ของ แคลลี่ กับ จีเจ เองก็น่าจะเพียงพอในการเปิดแนวด้านนี้ได้ไม่ยาก

ขณะที่ ฟลานาแกน จะเป็นตัวเลือกที่ 3 หรือตัวเลือกแรกในบางเกมส์ก็คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไร ผมยังมอง ฟลานาแกน เป็นเช่นเดิม คือ ยังต้องการเกมส์ และบทพิสูจน์บางประการ

……………………………………….

อาจมีคนมองผมแปลกๆ ประหนึ่ง เกรียนสยาม แนวใหม่
ที่หาเรื่องหรือจ้องจับผิดผู้คน แม้เราจะชนะอย่างท่วมท้นถึง 5 ตุง กับรูปเกมส์ที่ดูเพลิดเพลิน

แต่ถ้ามีคนคอยติดตามผมอยู่บ้างจะเข้าใจ ว่าผมออกจะมองทีมอย่างเข้าใจ
หลงรักอย่างมีเหตุผลประกอบ และ ให้คอมเม้นท์ในหลายๆ เรื่องอย่างระแวดระวัง

มุมมองผม งานนี้เราเจอเกมส์ที่ไม่ยากนักจนเกินไป บวกกับเกมส์ในบ้าน ทำให้เราค่อนข้างสบาย
ไม่ต้องไกล แค่เจอ ปืนโต นัดที่แล้ว ทรงเกมส์ของทีม ยังดูไม่ได้ดีขนาดนี้

ขณะเดียวกันเด็กๆ ที่เจองานยากนัดที่แล้ว กับเจองานที่เบากว่าเป็นกองในนัดนี้
และถึงแม้จะเจองานไม่ชุกเท่าไหร่ แต่อาการหลุดก็ยังปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะ เจ้าหนูโรบินสัน

ซึ่งงานนี้เจอทั้งการกระชากหลุด หลบหาย และถึงขั้นหลงเหลี่ยมจนนำมาซึ่ง ใบเหลือง
ถามว่าพอใจไหม ... ผมตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า มากถึงที่สุด ตั้งแต่ทัศนคติการเล่น จนถึงรูปแบบ และ วิธีการ

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นคงต้องผ่านการเจียระไน อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในอีกหลายเกมส์
เพื่อหล่อหลอมให้เจ้าหนูคนนี้สามารถจองพื้นที่ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์

เพราะถ้ามีเพียงเท่านี้ การตกเป็นตัวสำรองเพื่อการเรียนรู้ ก็ยังเป็นเงื่อนไขที่เหมาะควรอยู่ หรือว่างัย !!!

……………………………………….

มีผู้คนทักท้วงมาพอประปราย ว่าหลายนัดแล้วที่ผมไม่ได้เขียนถึงคู่หูแดนกลาง
แหม !!! ด้วยความสัตย์จริง ผมกะว่ายังไงๆ นัดนี้ก็น่าจะได้เอ่ยซักนิด แบบเข้าใจไปเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น

เพราะ 2-3 แมทซ์ที่ผ่านมา แสบเรียกพี่ ดีเหลือเกิน กับคู่หู คู่โหด ลูคัส-สเปียร์ริ่ง

แต่ เป็นอีกครั้งที่หัวใจอยากอุทานแรงๆ ว่า บัดซบจริงๆ เลย ...
เพราะนัดนี้ เจอแนวรุก แย่งซีนแทบหมด จนกองกลางออกจะดูดรอปๆ ลงไปเล็กน้อย

ถึงแม้กระนั้นก็เหอะ เรื่องความขยันและการเข้าปะทะอย่างมีเชิง น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องให้เครดิตกับทั้งคู่
เพราะการเข้าในหลายๆ ที ทำให้รูปเกมส์เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ในหลายๆ คราว

ยิ่งลูกยิงไกลจนกระฉอกจนนำมาสู่ประตูแรกนะ เจ้าปั้ก .. บอกได้คำเดียว ว่า มันส์สะเด่า โคตรๆ
ทั้งทิศทาง ทั้งความแรง บวกความขยัน การทุ่มเท เอ็งมานแทบถอดแบบจาก เจอร์ราร์ด มาทั้งดุ้น

แต่ไม่ต้องเอาท่าแทคเกิ้ลแบบสองเท้ามาด้วยนะ ... อย่างนั้นบางกรณีมันโหดไป...(ฮา)

ไอ้หมอนี่ รับรองมันต้องยิงได้แน่ ... คนนี้ผมยืนยัน (แหม !!! ตรูเชียร์จนออกนอกหน้าแล้ว อ้ายหมอนี่)
ส่วน ลูคัส คงเป็นอีกครั้งที่ผมจะไม่พูดถึงอีกแล้ว (ฮา) เอาเป็นว่า งานไหนเข้าตาจะจะ จะเหลาให้ฟังซักครา

……………………………………….

พระเอกของงาน คือ 3 คน แห่งตระกูลสระเอซ ... กับ หนึ่งตระกูลเคาท์ ที่มันส์หยดทุกลมหายใจ
ตระกูลสระเอซ คือ ทั้ง ซัวร์เรส / โรดิเกรซ / เมย์ราเลส บวกกับ เดอะ เคาท์ วันนี้ดูแปลกตายิ่ง

ทุกคนลงเล่นราวประหนึ่งมีคำพูดติดปากของปรมาจารย์ บิล แชงค์ลี่ย์ กรอกหู
“ผ่านบอลไปให้คนเสื้อแดงที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วก็ไป” ประโยคสั้นๆ แต่มากล้นซึ่งปรัชญาฟุตบอล์ลขนานแท้

ดูจากแนววิ่งของทั้ง 4 คน แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือทีมที่เคยอยู่ในโซนตกชั้นมาก่อน
อีกทั้งหากมีการมาร์คตัวเกิดขึ้นจากคู่ต่อสู้ ไอ้หมอนั่นมันคง งง เพราะ 4 คนนี้มันพล่านไปทั่วสารทิศจริงๆ

ทั้งสองด้านบวกตรงกลาง ไม่มีทิศทางและตำแหน่งแน่นอน ราวกับว่าทุกคนคือ ตัวฟรี ที่เล่นจนน่าตะลึงลาน

งานนี้คงต้องยกความสุขให้ เหล่า เดอะ คอป ขณะที่ความดีความชอบทั้งมวล ผมยกให้เหล่านักเตะ
และที่ลืมไม่ได้ คือ เดอะ คิง ผู้ถ่ายทอดและเพาะปลูกรากเหง้าแห่งวิถีขึ้นกลางใจผู้คนอีกครั้ง

งานนี้ มันแค่ออกแขก ... ลิเกตัวพ่อออกโรงเมื่อไหร่ ได้มีสะท้านสะเทือนปฐพี กันบ้างล่ะวา

เพราะที่ลืมไม่ได้ นอกจากการที่ผู้เล่นประจำจะช่วยทีมอย่างมากมาย
เหล่าตัวสำรองที่น้อยครั้งจะได้รับเลือกอย่าง มักซี่ โรดิเกรซ ยังสามารถดึงสิ่งที่เย้ายวนใจออกมาโชว์ ซะงั้น

งานนี้หากเพาะบ่มมาไม่ดี การโชว์เหนือขนาดแฮททริค ใครฟ่ะ บังอาจกล้าทำนาย
แถมก่อนเกมส์ยังโดน พิธีกรทรู ปรามาสเสียอีก ว่าเป็นผู้เล่นที่มีประโยชน์น้อยที่สุดของฝั่ง ลิเวอร์พูล

แม่มมม พูดเหมือนกรูไม่มีใครๆ จนต้องส่งลงให้ครบ 11 ตัวจริงประมาณนั้น

ยิ่งเป็นแพะตัวพ่อคนหนึ่งของ เกรียนสยาม ด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม่มม ยี้ใส่ตั้งแต่เห็นรายชื่อ
แต่พอกดแฮททริคได้เท่านั้น หลายคนแม่มมม เงียบดั่งเป่าสาก ... เห่ากันไม่เป็นเลยหรือ พ่อคุณ !!!

……………………………………….

อีก 4 นัด ก่อนฤดูกาลจะหมดสิ้น จะลงเอยเยี่ยงไร คงไม่มีใครรู้คำตอบ
การเจองานยาก ทั้งจาก นิวคาสเซิล / ฟูแล่ม / สเปอร์ และ แอสตัน วิลล่า น่าจะบอกอะไรๆ เราได้

Pass & Move ของจริง หรือ ของปลอมทำเหมือน น่าจะได้รับการพิสูจน์ ในแต่ละนัดข้างหน้า
เด็กๆ พร้อม หรือ ไม่พร้อมกันแน่ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมเฝ้ามองอย่างจดจ่อ

และสุดท้าย เดอะ คิง จะพาเราไปอยู่ตรงไหน จะพาเราไปถึงที่ใด ทุกอย่างยังล้วนรอคำเฉลย
การห่างจาก สเปอร์ 3 แต้ม แต่พวกเค้ายังมีเกมส์ในมืออีกหนึ่งนัด จะเกิดอะไรอีก โอ๊ย สารพัดการลุ้น !!!

แต่ตอนนี้แค่สงสัยนิดเดียว ... ว่า เมิงจะหยุดรอทำไม.. รู้ไหม ว่า มันเสียววววววว !!!
เกิดจับพลัดจับผลูแซงป้ายเข้าที่ 5 จะมาร้องไห้กระจองอแงไม่ได้ นะเอย …

……………………………………….

ข้อเขียนเหล่านี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเพียวๆ ใครชอบไม่ชอบ คิดเหมือนคิดต่าง ก็หากังวลไม่
ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นท์ ยกเว้นพวกเกรียนแตก หากมันเจ็บจี๊ด .. ช่วยนิ่งหน่อย เดี๋ยว เตะ !!!

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

Junior on Drama !!!

หักมุมสุดๆ กับค่ำคืนแห่งความประทับใจ ที่เกิดขึ้น ณ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม
สังเวียนที่ หงส์แดง ไม่เคยบินสูง ซักครา ตั้งแต่สนามแห่งนี้ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาบนพื้นพิภพ

กับการพบกัน 5 ครั้งหลังสุด ตัวต่อตัว เราเองยังแพ้มาถึง 3 และเป็นผลเสมออีก 2
จะเรียกว่า เราออกจะแพ้ทาง ก็คงไม่เกินไปนัก เพราะ 10 ครั้งหลังที่เราเจอ เราชนะ ปืนโต ได้เพียงครั้งเดียว

หลังยืนไว้อาลัยให้กับ Danny Frizman บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพลพรรคปืนใหญ่ และเหตุการณ์ Hillsborough
เสียงนกหวีด ส่งสัญญาณเริ่มเกมส์ ถึงคราวทำงานอีกครา

.....................................................

จะว่าไป นี่คือ อีกหนึ่งใน สามแมทซ์ ที่ผมค่อนข้างเฝ้ามองด้วยใจระทึก

นัดเปิดบ้านยำ เรือใบสีฟ้า นั่นคือ แมทซ์แรก ...ส่วนการฟัดกับ ปืนใหญ่ ครั้งนี้ คือ แมทซ์ที่สอง
และอีกแมทซ์ คือ การรับมือกับ สเปอร์ ที่บ้าน กลางเดือนหน้า

ไม่ใช่กับเกมส์อื่นๆ จะดูไร้ความหมายหรือไม่น่าหลงใหล แต่ประการใด
หากแต่ 3 ทีม 3 แมตซ์นี้ คือการบ่งบอกบุคลิกของทีมประการหนึ่ง

เพราะหากได้รับผลงานที่ดีต่อเนื่อง นั่นหมายถึงการแสดงออกด้วยสกอร์และรูปเกมส์ ว่า
ไม่ว่าหน้าไหน ทีมคุณจะได้อันดับที่เท่าไหร่ในปีนี้ เมิงหมดสิทธิ์มองข้ามเราโดยเด็ดขาด

และงานนี้ โดยส่วนตัวก่อนเกมส์เริ่มต้น ผมนึกว่าจะได้ยลเกมส์แอคชั่นที่เร้าใจ
แต่ไหงกลับกลายเป็น ดราม่าซีรี่ย์ ที่มิอาจกระพริบตา ยัน 103 นาที

.....................................................

45 นาทีแรก กับ รูปแบบการเล่น โอกาส และ จินตนาการ
โทษที !! ผมมองไม่ออกซักนิด ว่า เราจะเดินออกจากสนามในสภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร

รูปเกมส์ ปืนใหญ่ ในครึ่งแรก แม่มมม !!! ลื่นไหลเป็นสายน้ำ แถมกระหน่ำซ้ำซัดดังห่าฝน
ผมได้แต่หวังใจว่าให้จบครึ่งแรกอย่างไว และให้ ไอ้ปืนโต กระทำในสิ่งที่คุ้นเคย

เพราะหากใครได้ดู ปืนโต ในช่วงหลังๆ บ้าง จะเห็นว่าหลายๆ นัด ปืนใหญ่ มักออกอาการ
หลังไล่ยำคู่ต่อสู้ แต่ไม่สามารถชำเราได้ ทรงเกมส์มักจะเปลี่ยน ขณะที่ผู้เล่นดูตื้อตันและหมดจินตนาการ

ไม่เท่านั้น ... เหมือนฟ้าจะมอบบททดสอบชิ้นใหญ่ให้กับพวกเรา อีกครั้ง

นาที ที่ 21 พอ ออเรลิโอ เดินกระเผลก ผมแทบไม่ต้องสืบ เพราะรู้กันโดยปกติ ว่า เจ็บอีกแล้ว ชัวร์ ..
ให้ตายซิ ... เหลือเด็ก 17 ขวบด้านซ้ายอย่าง แจ็ค โรบินสัน เนี่ยนะ ..จะรอดไหม หว่า !!!

ในเกมส์ใหญ่นอกบ้าน ที่มีกองเชียร์คู่แข่ง กว่า 50,000 คน ขณะสาวกของทีมตามมาไม่ถึง 4,000
เด็ก 17 ขวบ จะรับมือเยี่ยงไร เพราะส่วนตัวเอง หากเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ก็คงปอดกระเส่าไม่น้อย

จริงอยู่ ... เด็กคนนี้เคยลิ้มรสมาบ้างแล้วกับพรีเมียร์ชิพ สมัย ราฟา แต่คราวนี้มันต่างกันหน่า ว๊อยส์...!!!
คราวนั้นลงสู่เกมส์ราว 10 นาที แต่นี่ มัน 70 นาที เล่นเอาเกือบเต็มเกมส์เลย

แถมด้านนี้ ต้องคอยประกบตัวจี๊ดอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ จรวดทางเรียบ ที่ลือชา ซะงั้น งานนี้ต้องวัดหัวใจ

ยิ่งสัมผัสแรกๆ คนดูหลายคนอาจรู้สึกคล้ายๆ กับผม ว่า อิ๊บอ๋ายส์ แน่ .. หลงเหลี่ยม วัลคอตต์ จังๆ
แต่หลังจากปรับตัวได้ เออ.. ดูดีมีชาติตระกูลเหมือนกันนี่หว่า .. ไอ้หนู !!!

.....................................................

หลังเริ่มต้นใหม่ ใน 45 นาทีที่เหลือ...ไม่แปลกใจกับทรงบอล์ลของ ปืนโต ที่ดูเปลี่ยนไปอีกครา
เป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ที่ ปืนโต มักทำแต้มหล่นหายในระยะหลังๆ จนสาวกพันธ์แท้หลายคนเริ่มออกอาการชิน

มีหลายครั้งหลายจังหวะในครึ่งหลัง ที่เราตอบโต้ได้ดี และมีโอกาสจบสกอร์ไม่น้อย
แต่ดูเหมือนว่าทั้งโชคชะตาและจังหวะของผู้เล่นยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ... เลยพาลดูติดๆ ขัดๆ ชอบกล

นาที 58 กลับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เหล่า เดอะ คอป ทั่วโลกต่างวิตก

เมื่อ ฟลานาแกน อยู่ผิดที่ผิดเวลา และพยายามเข้าสกัดบอล์ลโด่งของพลพรรค ปืนใหญ่
ขณะที่ คาร์ร่า ที่เฝ้าระแวดระวังอยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ก็หวังเคลียร์กรณีนี้เช่นกัน

ผลคือ ศีรษะ ฟลานาแกน กระทบปลายคาง คาร์ร่า เข้าอย่างจัง ในจังหวะขึ้นโหม่ง
จนงานนี้ บุรุษเหล็กอย่าง คาร์ร่า ที่ทุ่มเทให้ทีมมากว่า 660 นัด ถึงหลับกลางอากาศ... แน่นิ่งจนน่ากลัว

เกมส์หยุดทันใด !!! กว่า 5 นาทีก่อนการย้าย คาร์ร่า ออกจากสนามเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย
ถ้าจะแพ้ก็ช่างมัน ...ขออย่างเดียว ให้ คาร์ร่า ปลอดภัย .. ผมนึกได้เท่านั้นจริงๆ


หลังเริ่มใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยน เฮียโส ลงแทน เพียง 9 นาที เราต้องเสียศูนย์หน้า ค่าตัว 35 ล้านปอนด์อีกคน
ฮ้ย !!! จะตลกอะไรกันนักกันหนา ... เปลี่ยน 3 ตัว เพราะ กรณีบาดเจ็บทั้งนั้น กะไม่ให้แก้เกมส์กันหรืออย่างไร !!!

เอ้า .. เอาให้หนำใจ จะเกิดอะไรก็ช่าง แม่มมม ช่างดูเหมือนวันเจอ เวสต์ บรอมวิซฯ มาก ผมพาลคิดไปนู่น !!!

แต่ไคลแมกซ์ของจริงกลับเริ่มต้นเมื่อนาที ที่ 90+7 เมื่อ เจ้าปั้ก สเปียร์ริ่ง พลาดท่า เสียจุดโทษ
ร้อยทั้งร้อย ต่างคิดว่าเกมส์จบทันที ที่ ฟาน เพอร์ซี่ กระทุ้งลูกบอล์ลเข้าสู่ก้นตาข่าย

งานนี้ เปเป้ หมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง ทั้งๆ ที่ วันนี้ช่วยชีวิตทีมไว้หลายต่อหลายครา
แม้ตัวผมเอง ยังคิดอยู่ในใจเลย ว่า จบลงแล้ว ...ให้ตายซิ !!!

พาลคิดต่อทันใดว่า ถึงแพ้ด้วยรูปเกมส์อย่างนี้ กับความพยายามแบบนี้ ถึงแพ้ผมก็ภูมิใจ ว่ะ
และ ดราม่าซีรี่ย์ ก็เริ่มเปิดตัวฉากจบ ในแบบที่ทุกคนมิอาจคาดเดา..!!

การได้ ฟรีคิก ระยะเส้นกรอบโทษ เหมือนเป็นรางวัลปลอบใจระดับหนึ่ง เพื่อให้เกิดความหวัง
แต่การได้จุดโทษจากลูกต่อเนื่องจากนั้น ... แม่มมม ไม่รู้จะสรรถ้อยคำไหน มาอธิบาย

โครตกระชากอารมณ์สุดตรีน เหลือเกิน ...!!!

.....................................................

จากแพ้ 1-0 เป็นเสมอ 1-1 นับว่าสมควรด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นผลพวงที่น่าจะคุ้มค่ามหาศาล
เรื่องแรก คือ ผลพวงของการลดบาปในใจ ที่อาจเกิดขึ้นกับนักเตะจูเนียร์ อย่าง สเปียร์ริ่ง และ ฟลานาแกน

เพราะหากมีผลแพ้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า เด็กๆ จะรู้สึกเยี่ยงไร

เพราะหากหัวจิตหัวใจไม่แข็งพอ อาจเป็นการทำร้ายเด็กๆ อย่างยากเยียวยา
การพบกับประสบการณ์ร้ายๆ อาจบั่นทอนหลายๆ อย่าง ในมุมที่เรามิอาจคาดเดา

ส่วน เรื่องที่สอง ที่พอจะมองเห็น คือ การแสดงออกถึงหัวจิตหัวใจนักสู้ ที่เราค่อนข้างห่างหายไปนาน
เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เราได้ประตูในนาทีสุดท้าย เนี่ย !!! มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ในขณะเดียวกันก็พาลจำไม่ได้ ว่า เราเอาคืนเร็วที่สุดนั้น ใช้เวลากี่นาที เพราะงานนี้เราใช้แค่ 2 นาที
แม่มมม !!! ช่างเป็น 2 นาทีที่ โคตรดราม่า ยิ่งนัก อีกทั้งเป็น 2 นาทีที่แทบฝัง ปืนใหญ่ ทั้งเป็น

งานนี้ เล่นเอา เจ๊แหวง ที่หมายมั่นปั้นมือกับการชำเราพวกเรา เพื่อไล่ตาม สัมภเวสี ถึงออกอาการ
สภาพจิตใจ เจ๊ น่าจะประหนึ่งโดนข่มขืนทางทวารโดยนิโกรร่างยักษ์ 7 คน

หากใครได้เห็นภาพตอน เจ๊ แกนั่งลุ้น เดอะ เคาท์ ซัดจุดโทษ..คงเข้าใจถึงความรู้สึก เจ๊ เป็นอย่างดี
เพราะดูหมดสภาพนักศึกษา / สิ้นหวัง / ไม่เชื่อสายตา ... พาลถึง อยากตายยยยยยยยย !!! เอาดื้อๆ นะนั่น

.....................................................

คงจะว่ากันอย่างรวบรัดหน่อย กับรูปเกมส์และเหล่าจูเนียร์ ตระกูล เจ ทั้งหลาย

หลายๆ คนออกอาการดี๊ด๊า ชื่นชม และ สรรเสริญเยินยอ กันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะ เจย์ สปียร์ริ่ง ที่นัดนี้ ผมยกให้เป็น Man of The Match คู่กับ เปเป้ เรน่า

เรื่อง เจ้าปั้ก เนี่ย ออกจะไร้คำบรรยาย เพราะความขยัน อาการใจสู้ เนี่ย แทบถอดพิมพ์จาก เจอร์ราร์ด
แถมไม่มีหมดเหมือน เดอะ เคาท์ ... เด็กลิเวอร์พัดเลี่ยน เนี่ย มันวิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อยแทบทั้งนั้น หรือ !!!

แม้จะทำให้ทีมเสียจุดโทษ แต่คงไม่เกินเลยซักนิดที่จะตบรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมส์
งานนี้ ถึงแพ้ ผมก็ไม่มีอะไรจะตำหนิ... กับ ภาพรวม และ พลัง

คนบร้าไร วะ วิ่งแม่มมทั่วไปหมด พล่านตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย รุ่นนี้มันใช้ถ่าน หรือ ไขลาน !!!

เอาเป็นว่า เด็กคนนี้ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว กับความสามารถอันเอกอุที่ได้แสดงออก
นับว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่น่าจับตามอง และหวังว่าจะก้าวผ่านขั้นต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

หากพัฒนาการยังไม่หยุดยั้ง เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นยอดมิดฟิลด์ที่น่าตะลึงคนหนึ่งในโลกลูกหนัง เชื่อไหม !!!

หันกลับมาแล ฟูลแบ็ค สองข้างกันบ้างดีกว่า... จอห์น ฟลานาแกน กับ แจ็ค โรบินสัน
ในมุมของผม .. ณ วันนี้ เด็กหนุ่มทั้งคู่ คือ อนาคตชั้นดี ... แต่ อนาคต นะ ครับ หาใช่ปัจจุบัน !!

เพราะหลายๆ จังหวะของเกมส์นี้ จะเห็นได้ว่า พวกเค้ายังแกร่งไม่พอ
รูปเกมส์ตรงกลางเกิดช่องว่างมากมาย จนเราเริ่มเกมส์อย่างที่เราควรทำไม่ได้ ..

เพราะกองกลางทั้งแผงต้องคอยลงมาช่วยประคับประคองฟูลแบ็คทั้งคู่ จนเกิดอาการต่อไม่ติด
ยิ่งเจอตัวจี๊ด ตัวจัด ของพลพรรค ปืนโต ยิ่งทำให้เห็นรอยโหว่ และ ข้อผิดพลาด พอควร

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น นี่คือเกมส์แรกๆ ของพวกเค้า แถมยังเป็นเกมส์ใหญ่ที่กดดันมหาศาล
ซึ่งหวังว่าก่อนฤดูกาลจะจบ พวกเค้าจะเติบโตและแกร่งขึ้น สมกับที่เหล่า เดอะ คอป ตั้งตาคอย

รวมทั้งอีกหนึ่ง ตระกูล เจ อย่าง เชลวี่ .. เด็กหนุ่มที่ได้รับการอวยอย่างยิ่งในแวดวงสื่อเมืองผู้ดีด้วย
ที่คงต้องเร่งผลิตฟอร์ม เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองพอสมควร

เพราะหากอยากสอดแทรกขึ้นสู่ชุดใหญ่ของทีม คงต้องดีกว่านี้ และ ต้องมีมากกว่าที่เห็น

และหาใช่เป็นเรื่องยากเกินไปไม่ .. เพราะ ด้วยมือ เดอะ คิง ...เรื่องราวยากเย็น ล้วนง่ายดาย !!!

.....................................................

สิ่งที่หลงเหลือจาก แมตซ์แห่งดราม่า นี้ คงไม่มีอะไรมากมาย นอกจากความทรงจำดีดี อีกครั้ง
การได้เห็นเด็กๆ ลงเล่น ด้วยทัศนคติงดงาม การเห็นทีมกระหาย และ ไม่ย่อท้อ

การได้ซึมซับการจบลงของเกมส์ในมุมหักศอกแบบเหลือเชื่อ ถือเป็นของขวัญอีกชิ้น
ที่สร้างความสุขใจให้กับ เดอะ คอป ทั่วมุมโลก เป็นอีกอารมณ์ความสุขที่ยิ่งกว่าชัยชนะ

การได้เห็นเค้าลางแห่งความสำเร็จ และ รอยทางที่ควรค่า กลับสร้างความหวังเล็กๆ ให้บังเกิด
งานนี้ ผมเทสุดลิ่มทิ่มประตู ว่า ใครบังอาจตัด หงส์แดง จากสารบบ ท๊อปโฟร์ เมิงได้เห็นดีกันแน่ !!!

ช้าสุดก็ฤดูกาลหน้า เครื่องจักรสีแดง น่าจะออกตัวล้อฟรี !!! ถึงวันนั้นอย่ามาหาว่า ไม่เตือน ก็แล้วกัน …!!!

.....................................................



* อย่าแปลกใจ !!! ที่ข้อเขียนชิ้นนี้ไม่มีเหลี่ยมไหน ออกอาการอัดเกรียน
อาจพาลดูสุภาพไปด้วยซ้ำ กับถ้อยคำสำนวนที่ใช้ .. แต่ หาใช่เพราะกินยาลืมเขย่าขวด
ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ กับผู้หวังจะเข้ามาพบเจอ สิ่งที่ขาดหายไป...
เชื่อเหอะ !!! ยังเหมือนเดิม ไอ้เรื่องปากเนี่ยยยย มันไม่หายกันง่ายๆ หรอก น่า ... สัญญา

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ (มีดบินงมงายรัก)

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา...ราฟา เบนิเตซ

อักขระต่อไปนี้ หากมีส่วนแห่งความดีเกิดขึ้นบ้าง
ขอส่วนความดีทั้งมวลเหล่านั้น อุทิศให้แก่ผู้ที่จากไปทั้ง กรณีฮิลล์โบโร่ และ เฮย์เซล์ล

........................................

เคยสงสัยกันบ้างไหม !!! เหตุใดชายสเปนผู้เอกอุในโลกลูกหนังคนหนึ่ง
อย่าง ราฟา เบนิเตซ ถึงได้มอบกายถวายหัวใจ และ แสดงออกถึงการเป็น สเก๊าเซอร์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

ชายผู้มีค่อนชีวิต อยู่ในวังวนแห่งเกมส์ลูกหนังของสเปนลีค ใยถึงผูกพันกับสโมสรแห่งนี้เหลือเกิน
ทั้งๆ ที่เข้ามาอยู่กับสโมสรเพียง 5 ฤดุกาล...

แต่การแสดงออก…
กลับดูดีกว่าเหลือบไรที่บอกรักสโมสรมาเป็นสิบๆ ปี แบบที่ เกรียนสยาม ชอบพล่ามสร้างภาพ

อย่าได้ถามผม !!! เพราะผมคงหาคำตอบที่แท้จริงให้ท่านๆ ไม่ได้
แต่... ผมเชื่อว่าผมอาจคาดเดาไม่ผิดเกินไปนัก

มีคำพูดของ บิล แชงค์ลี่ย์ ปรมาจารย์แห่งสถาบัน ลิเวอร์พูล เคยกล่าว ว่า

" Some people believe football is a matter of life and death,
I am very disappointed with that attitude. I can assure you it is much, much more important than that."

“ผู้คนบางคนเชื่อว่า ฟุตบอลเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย
ผมรู้สึกผิดหวังกับทัศนคตินั้นเหลือเกิน ผมบอกคุณได้เลยว่า มันสำคัญกว่านั้นโครตๆ”

อะไร คือ สำคัญกว่านั้น !!! อะไร คือ ยิ่งกว่าชีวิต และ ความตาย !!!

ผมว่า เอลบอส ราฟา เบนิเตซ ได้เข้าถึงแห่งสัจธรรมนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องราวของยอดทีมเช่นเรา

ประวัติศาสตร์ และ เรื่องราวของทีม มันมีอะไรๆ ให้เราได้ศึกษา มีข้อคิด และเกิดความผูกพันได้ไม่ยาก
หากผู้ถวายกายพลีใจเป็นสาวกหงส์ทั้งมวล อยากร่วมซึมซับ ก็มีแบบแปลไทยให้ค้นคว้าไม่น้อย

การรับรู้ในแง่มุมลึกซึ้ง ทั้งเรื่องราวน่าเศร้า หรือ เรื่องน่ายินดีสุดขั้ว แต่ละบทต่างมีนิยามต่างกัน

สืบค้นที่มาที่ไป รวมถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้สูญเสียในบางกรณี
บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์ร่วมกับผม ยามผมออกปากด่าสื่อไร้จริยธรรมบางตัว

เพราะหากคิดจะเชียร์เพียงเพื่อการเพรียกหาถ้วยแชมป์มาประดับบารมี ผมว่าออกจะไร้สาระไปหน่อย
อีกทั้งยังแสดงออกถึงความคิดอันตื้นเขิน ที่ไร้ความผูกพันทางจิตใจอย่างน่าตบกบาล

เรามีดีกว่านั้น ... เชื่อซิ !!!

........................................

"I was the best manager in Britain because I was never devious or cheated anyone.
I'd break my wife's legs if I played against her, but I'd never cheat her." : Bill Shankly

“ผมคือผู้จัดการที่ดีที่สุดในอังกฤษ เพราะผมไม่เคยคิดคดหรือจ้องโกงผู้ใด
ผมจะหักขาภรรยา หากผมต้องลงแข่งกับเธอ แต่ผมจะไม่โกงเธอ” : บิล แชงค์ลี่ย์

แค่ประโยคนี้ ไอ้ผู้จัดการบางคนที่ว่าเก่งนักเก่งหนา มันยังเสนอหน้าออกมาเถียงไม่ได้เล๊ยยยยย

ถ้าทีมตัวเองได้เปรียบ ได้ประโยชน์ ล่ะ ก้อ เงี๊ยบบบ เงียบ แต่ถ้าตัวเองเสียประโยชน์เมื่อไหร่
คิดเป็นแค่... ต้องโทษกรรมการ โทษนั่น โทษนี่ ... ยกเว้นเรื่องเดียว คือ แม่มมม ไม่โทษตัวเอง !!!

ถ้าลูกทีมแม่มมม โดนทำฟาวล์ แม่มมม โวยยังกับลูกทีม แม่มมมม ตาย
แต่เวลาลูกทีมตัวเองทำคนอื่นเดี้ยง 6 เดือนของจริง แม่มม เสือกเงียบดั่งตรีนนนน อุดปาก

ไอ้ส้นตรีนนนนนนนนนนนน !!! เอ๊ยยยยยยยยยยยยยย

........................................

มีหลายคน ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ หลายคนยังไม่เคยได้รับรู้อย่างลึกซึ้ง

บางคนเพิ่งแอบหลงรัก เมื่อ ถ้วยเอฟ เอ ล่าสุด หรือ บางคนเริ่มต้นที่ อิสตันบูล
ขณะที่บางคนอาจไปไกลหน่อย คือ เมื่อตอนได้ 3 ถ้วย สมัย อุลลิเย่ต์

ลองค้นคว้าซักนิด ลองศึกษาเพิ่มซักหน่อย กับความเป็นไปเป็นมาของทีม
ลองหาประวัติผู้คนเก่าๆ ทั้งฐานะนักเตะ หรือ ผู้จัดการ เอามาอ่าน เอามาศึกษา

ลองหาบางประโยคของผู้คนที่เกี่ยวข้อง บางคำอาจกินใจขนาดน้ำตาพาลไหลไม่รู้ตัว และ
บางทีการได้แชมป์พรีเมียร์อาจเป็นเรื่องรองๆ ไปเลยทีเดียว

เพราะ คำว่า ลิเวอร์พูล มันให้อะไรๆ กับเรามากกว่าที่คุณจะสามารถคิดออกตอนนี้
ลองศึกษาแบบชาย 5 ฤดูกาลค้นคว้า แล้วคุณจะเข้าใจ ว่า ทำไม เบนิเตซ ถึงรัก เรา !!!

และที่สุดคุณจะบอกตัวเองได้ ว่า “ทำไมต้องเป็นลิเวอร์พูลทีมเดียวเท่านั้นที่คุณควรรัก”

........................................

ท้ายสุดนี้ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวน สำหรับผู้คนที่เข้าใจ และ ศึกษาเรื่องราวต่างๆ แล้ว
ขณะเดียวกัน ก็หวังใจว่า ผู้คนรุ่นใหม่ๆ จะเกิดแรงบันดาลใจ ในการค้นคว้า หาเรื่องราวต่างๆ มาศึกษา

ด้วยจิตคารวะ
มีดสั้นงมงายรัก

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ไอ้เด็กเวร กับ ลางสังหรณ์

ว่ากันแบบไม่อายฟ้าดิน... สาบานเลยเอ้า !!! ว่าก่อนนกหวีดเสียงหวานจะดังขึ้น
ผมคาดการณ์เงียบๆ ในใจว่า วันนี้ท่าทางเราจะไม่รอดจากการโดนชำเราโดย เรือใบสีฟ้า

คือถ้าเทียบที่ผล วันนี้... ผมให้เสมอคือกำไร และแพ้หนึ่งเม็ดคือเสมอตัว

ทั้งนี้ทั้งนั้น หาได้ดูแคลนทีมเลยสักนิด แต่มองโดยภาพแห่งพื้นฐานขององค์ประกอบหลายอย่าง
ยิ่งพอรายชื่อหล่น เหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่า เสร็จแน่คราวนี้พวกเรา...

ซึ่งผมว่าหลายๆ คนคงหวั่นใจเหมือนกัน แต่ไม่มีใครออกมาแย็บ เพราะกลัวเสียอรรถรส (ฮา)

.....................................................

ให้ตายซิ...!!! เดอะ คิง ทำอะไรเนี่ย ...

จากรายชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรอง รวม 17 คน เดอะ คิง ยัดเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในสายตาชาวบ้าน มา 5
งานนี้ถ้าเกิดแพ้ยับ มีหวัง เกรียนสยาม และเหล่ากูรูทั้งหลายเถลิงปากกันบอร์ดแฉะ

เพราะแค่ที่เป็นอยู่ แม่มมม!!! ก็ด่าได้ทุกกรณีอยู่แล้ว พวกเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่นักเตะและผู้จัดการ
แถมเอาเด็ก 18 ขวบหมาดๆ ลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวาเสียด้วย เอาล่ะวะ... งานนี้ไม่เฮ ก็หุบ

เล่นเอาเด็กที่ผู้คนยังประเมินราคาไม่ได้ 2 คน มาชนกับทีม 1000 ล้าน ซะงั้น เดี๋ยวได้รู้กัน...!!!

ขณะที่หันไปมองฝั่งตรงข้าม เรือใบงานนี้ท่าจะจัดหนัก
เพราะครบองค์ประชุม ตั้งแต่ศูนย์หน้าระดับอ๋อง อย่าง Carlos Tevez และ Edin Dzeko

ขณะที่กองกลางตัวทำเกมส์ ยัดมาเต็ม ทั้ง Gareth Barry, Toure Yaya, James Milner พ่วงด้วย Adam Johnson

รวมถึงแผงหลังที่ร่ำลือกันว่าสุดหินชุดใหญ่ชุดหนึ่งทีเดียว
ไล่ชื่อมาตั้งแต่ Dedryk Boyata, Vincent Kompany, Joleon Lescott และ Aleksandar Kolarov

บวกกับนายด่านสุดท้ายดีกรีทีมชาติอังกฤษที่ว่าดีนักดีหนา อย่าง Joe Hart ...งานนี้ไม่หมูจริง

ไอ้ที่กล่าวมาว่ามันโหดแล้ว เหลียวไปดูรายชื่อตัวสำรอง ... โอ๊ยยยยย อย่าให้เซย์แต่ละตัว แม่มมม !!! จี๊ดได้ใจ
ก็พ่อเล่นขนยัดมาทั้งแผง เรียกว่าแต่ละตัวตามชื่อเสียง เนี่ย มันเปลี่ยนเกมส์ได้ทุกตัว

ดูรายชื่อซิ ... ถ้าไม่นับ Stuart Taylor ที่เป็นผู้รักษาประตู
ที่เหลือก็มี Pablo Zabaleta, Shaun Wright-Phillips, David Silva, Nigel De Jong, Mario Balotelli และ Ryan McGivern

ดูแล้วงานนี้ ยังไงๆ ก็ งานชุก บวกกับผลงานล่าสุดที่ เรือใบ เพิ่งอัด แมวดำ มา 5-0
ขณะที่ หงส์แดง เพิ่งพ่ายให้ทีม ปู่รอย มา 2-1 กับอาการบาดเจ็บของตัวหลักเป็นพรวน จะเหลืออะไร ???

.....................................................

อย่านะ !!! อย่ามาใส่ร้ายกันโดยเด็ดขาด ว่าผมแอบนอกใจ หรือไร้ซึ่งความเชื่อมั่น
แค่มองตามเกมส์และเฝ้าระวังเรื่องหัวใจตัวเองเอาไว้บ้าง เท่านั้น

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที ที่เสียงนกหวีดเริ่มเกมส์กังวาน เมื่อนั้นทุกอย่างยังคงทุ่มให้ทีมรักเช่นเดิม

ลองกลับมาดูผู้เล่นฝั่งเราบ้าง... หลายๆ คน คือ ผู้เล่นที่เราคุ้นเคย
แม้ เดอะ คิง จะจัดให้ สเปียร์ริ่ง ลงบัญชาเกมส์อีกครั้ง คู่กับ ลูคัส ซึ่งออกจะขัดใจเกรียนเมืองไทย ยิ่งนัก

เพราะนัดที่แล้วนี่เอง กูรู และ เกรียนสยาม เพิ่งหลุดปากด่าทั้งคู่นี้มาหยกๆ
ทั้งการดาหน้าออกมาว่า สาดมาถึง เดอะ คิง ที่ไว้ใจเด็กจนเกินงาม ปล่อยให้คู่นี้เล่นด้วยกัน

รวมถึงหลุดปากด่านักเตะชุดนี้ว่าเข้าขั้นห่วย และเป็นทีมดาดๆ... (แสรดดดดดดด เอ๊ย !!!)

แค่คู่กลางยังไม่พอ ... ดูเหมือน เดอะ คิง จะไม่รู้สึกทุกข์ร้อน กับความจังไรของ เกรียนสยาม

เดอะ คิง กลับพกพาความมั่นใจ ขนาดปล่อยเด็กอายุเพียง 18 อย่าง ฟลานาแกน ลงสู้ศึก
พร้อมรับตำแหน่งขุนศึกตัวจริงของแนวรับด้านขวา ที่หลายคนลองแล้วเกิดอาการเดี้ยงตามกัน

ถ้าถามตั้งแต่ต้นเกมส์กับบรรดาสาวก เรือใบสีฟ้า ทั้งหลาย
หากบอกว่า ทีมชุดนี้จะชนะ เรือใบ ถึง 3-0 มีหวัง สาวกเรืออาจหาว่าเรา บ้า หรือ ไร้สติสิ้นดี !!!

.....................................................

ปีนี้ .. ยังยืนยันกับขนาดทีมของเราที่ดูมีขนาดเล็กไปหน่อย

ขณะเดียวกันเหล่าตัวสำรองหลายคนกับแสดงศักยภาพไม่ได้ดีอย่างที่ควร ช่องว่างมันมีมากไป
ทำให้เราโรเตชั่นเพื่อพักนักเตะสำคัญๆ ในบางนัดเหมือนทีมหัวแถวหลายๆ ทีม ทั้งหลายไม่ได้

การได้พัก 1 สัปดาห์เต็มๆ ผมว่าเป็นประโยชน์ที่เราเห็นได้ค่อนข้างมาก
เพราะทั้งตัวผู้เล่น ทั้งแผน เนี่ย แทบก๊อปมาจากนัดที่แล้วโดยสิ้นเชิง แตกต่างกันนิดหน่อย เท่านั้น

แต่อาการวิ่งสู้ฟัดแบบไม่มีหมดตลอด 90 นาที กลับแสดงศักยภาพอย่างน่าชื่นชม
ทุกคน ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รวมถึงเด็กแรกเกิดอย่าง ฟลานาแกน และ สเปียร์ริ่ง ดูราวอดอยากและกระหาย

เล่นเอาทีมพันล้าน ถึงกับสะอึก และออกอาการไปไม่เป็น เหมือนเด็กหัดเล่นบอล์ล

การวางแทคติคให้ลูกทีมเพรสซิ่งสูง บวกกับการเข้าซ้อนอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญ
การสร้างความเข้าใจให้ลูกทีม กับ แนววิ่ง การเคลื่อนไหว ที่ เดอะ คิง สั่งสมให้เหล่านักเตะ ดูนวลเนียนยิ่ง

อัตราการครองบอล์ลของเราตลอด 90 นาที อยู่ที่ 53 ต่อ 47 ช่างเป็นตัวเลขที่น่าชื่นใจ

โอกาสสร้างสรรค์ประตู ที่มีถึง 21 ครั้ง กับทีมที่มีโคตรกองหลังขนาดนี้ จะประเมินเช่นไร ???
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาส 15 ครั้ง เข้ากรอบ 3 และเราเข้ากรอบ 6 ... โอ้ว !!! จะให้นึกแบบไหนดีล่ะเนี่ย...

.....................................................

การปลดปล่อย 2 ประตู เพื่อคลายความกดดันของกองหน้าค่าตัวมหาศาลของ คาร์โรลล์ นับว่าถูกเวลา

ส่วนตัว ... เฝ้ากังวลเล็กๆ กับการบาดเจ็บของเหล่านักเตะสำคัญ ซึ่งรวมทั้ง กัปตันจี
ดูโหดร้าย หากมรสุมแห่งการบาดเจ็บจะลดจำนวนการสร้างสรรค์ประตูไปตามกัน

แต่หลังเกมส์นี้ กลับกลายเป็นเรื่องไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะอยู่หรือไม่อยู่
เพราะนักเตะทุกตัวตน ได้แสดงธาตุแท้แห่ง ลิเวอร์พูล ให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครา

แม้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ และไม่สมบูรณ์พร้อม แต่เชื่อเหลือเกิน ว่าจะไม่นานเกินรอ
เครื่องจักรสีแดง เริ่มแสดงตัวตน และน่าจะส่งเสียงคำรามในโอกาสอันใกล้

เพราะแค่เอาหัวใจใส่ลงในตัวผู้เล่นระดับไร้มูลค่าในสายตาคนอื่น ยังเล่นเอาเรือใบตูดแหก ... !!!

เมิงเอ๊ย...!!! ถ้าองค์ประกอบครบ
มีหวังงานนี้แสงสว่างปลายอุโมงค์ของบางคนอาจริบหรี่และมอดมิดตลอดกาล

จะว่าไป 2 ตุงของ คาร์โรล์ล ในมุมมองของผมดูเหมือนมีนัยยะ

ตุงแรก เหมือนเอาตรีนนนนยัดปาก เกรียนสยาม และ กูรู ตอบข้อสงสัยในการตั้งแง่
และเฝ้าวนเวียนถามถึงความคุ้มค่า ประหนึ่งพวกมันควักกระเป๋าจ่ายเงิน

ส่วน ตุงที่สอง เหมือนตอกย้ำให้หลายคนสำนึก ตั้งแต่พวก โสเภณีราคา 50 ล้าน ยัน เอฟเอ

ว่าพื้นที่ตรงไหน คือที่ที่คู่ควรของเจ้ายักษ์ ระหว่าง ทีมเยาวชน หรือ ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
ในขณะที่ตอบโจทย์เรื่องแสงสว่างเรืองรองของยอดทีมแห่งนี้ได้อย่างเต็มอารมณ์

.....................................................

ว่าจะพูดถึง สเปียร์ริ่ง เด็กหนุ่มร่างเล็กที่พล่านทั่วพื้นที่ แถมดู ดีวันดีคืน

แต่งานนี้คงต้องหลบ และให้โอกาสเด็กที่ใครๆ ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเท่าไหร่ อย่าง ฟลานาแกน
เด็กหนุ่ม วัย 18 ปี ที่ถือกำเนิดเกิดเป็นสเกาเซอร์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1993

และนี่คือโอกาสครั้งแรกกับการลงสนามอย่างเป็นทางการให้กับชุดใหญ่ ของ ลิเวอร์พูล

โดยส่วนตัวแอบยิ้มเล็กๆ กับอาการไม่พรั่นพรึงและลนลาน
ในขณะที่โดยมุมมองของการเป็นตัวรับด้านข้าง กลับยังไม่โดดเด่นขนาดถึงต้องออกมาพรรณนา

เพราะจากรูปเกมส์ และการช่วยเหลือมากมาย เลยดูว่างานนี้ยังไม่ใช่บทพิสูจน์ตัวตนที่ดีพอ
หากใครได้ดู จะเห็นได้ว่า ฝั่งขวาของเรา ได้รับการซัพพอร์ทมากมาย

ทั้งจาก เดอะ เคาท์ ที่ไล่จากหน้ายันสุดสนามด้านหลัง สมฉายาผู้ไม่มีหมด
ขณะเดียวกัน ยังมี คาร์ร่า คอยชนก่อน หรือ ซ้อนหลัง อยู่เกือบตลอดเวลา

เลยทำให้งานของเด็กน้อยคนนี้ ดูบางเบา และ ไร้ความกังวล
ขณะเดียวกัน ทาง เรือใบสีฟ้า เอง ก็ไม่ได้ฉกฉวยโอกาสจากความอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มคนนี้เท่าไหร่

เลยทำให้การเปิดตัวงานนี้ ออกมาดูดี มีชาติตระกูล อยู่ในระดับที่ได้รับการยอมรับ

ภาพติดตาของฟอร์ม กลับไม่ได้เป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมซักเท่าไหร่
แต่หากเป็น ทัศนคติ ในการเล่นของเด็กหนุ่ม ที่กระชากหัวใจของผมไปจนหมด

เพราะทุกครั้งที่ลูกบอล์ลถึงเท้า แทนที่จะตอบโต้ด้วยการสาดยาวให้พ้นๆ ตัว
เด็กหนุ่มกับเลือกที่จะเล่นบอล์ลบนพื้นด้วยความเข้าใจง่าย เหมือนเล่นบอล์ลในสวนหลังบ้านตนเอง

แถมชอทเด็ด ในนาที ที่ 72 กว่าๆ ที่บังอาจกล้าล็อคหลบ ก่อนส่งบอล์ลต่ออย่างเหนือชั้น
เฮ้ย !!!! ไอ้ที่ล็อคหลบเค้าน่ะ .. มัน DZEKO เจ้าของค่าตัว 27 ล้านปอนด์ เชียวนะ เมิงงงงงง !!!! ไอ้เด็กเวร...

.....................................................

สุดท้าย คงต้องขอคารวะหัวจิตหัวใจเหล่านักสู้ผู้กล้า บรรดาเหล่านักเตะยอดขุนพลทั้งหลาย
รวมไปถึงเหล่าสตาฟฟ์ และ ผู้เกี่ยวข้องกับยอดทีมแห่งนี้ โดยเฉพาะ เดอะ คิง

ที่สร้างความปลื้มปิติ มอบรอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ ให้กับเหล่าลิเวอร์พัดเลี่ยน ทั้งผอง
และที่สำคัญ สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด คือ การมอบ ความหวัง ให้บังเกิดในใจสาวกพันธุ์แท้ทุกตัวตน

อีก 6 นัด ชี้ชะตา คอยดูกัน ว่าที่สุดเราจะอยู่ตรงไหน !!!

แต่มันต้องเป็นที่ที่เราสมควรอยู่อย่างยิ่ง ผมชักสังหรณ์ใจ พิกล !!!

.....................................................

*ข้อเขียนชิ้นนี้ เป็นเรื่องราวและความรู้สึกของผู้เขียนเท่านั้น ... ใครเห็นด้วย หรือไม่ ไม่ว่ากัน
ส่วนไอ้พวกเกรียนแตก นั่นก็เรื่องของพวกเมิง ... เหมือนเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

มุมหวาน ของ "มีดบิน"

เดี๋ยวจะมีครหา ว่า เป็นผู้ชายปากจัดด้านเดียว...
ลองดูบางส่วนของตัวตน ว่า มีดบินงมงายรัก มีอีกด้านของโลก เป็นเช่นไร
ทุกบทล้วนออกจากเสี้ยวเล็กๆ ของสมองน้อยนิด

ถือว่าเอามาคั่นอารมณ์ แบบงง งง ผสม มึนๆ
ไม่ถึงกลับจะเปลี่ยนบอร์ดมาร เป็นบอร์ดความรัก หรอก น่า !!!

เพราะเธอไม่ใช่เจ้าหญิง

ก็แค่ดอกไม้ธรรมดาๆ
ไม่ได้วิลิศสมาหลามาจากไหน
ไม่ได้วิเศษวิโสกว่าใคร
ไม่โตใหญ่แถมแบบบาง

ก็แค่ปุถุชน
มีชีวิตพ้นเวลา
อุปสรรคฟันฝ่า
ปัญหาร้อยพัน

ก็แค่ธุลีเบาบาง
ท่ามกลางสังคมใหญ่
แค่รอยฝุ่นในพงไพร
แค่หมอกไอรางเลือน

ไม่ต้องแต่งเติมเรียงร้อย
ไม่ต้องสรรถ้อยคำหวาม
ไม่มีเหตุผลหรือนิยาม
แค่ถามหัวใจก็พอ

เธอจึงไม่ใช่เจ้าหญิง
แต่เป็นสิ่งมีค่าเสมอ
ไม่มีถ้อยคำล้ำเลิศเลอ
แค่เธอเป็นเธอก็พอ

ปากฉันน่ะไม่หวาน
ไม่อาจเรียกขานเป็นเจ้าหญิง
มีแต่น้ำใสและใจจริง
เรื่องเจ้าหญิงน่ะเรื่องนิทาน

รู้แล้วจะรักฉันไหม
เพราะคงไม่สรรคำเสริญ
แค่เคียงข้างเมื่อก้าวเดิน
พร้อมเผชิญทุกข์พร้อมพลัน

***********************

ก็แค่สาย ลมบางเบา
ที่พัดเอา ความคิดถึง
ความห่วงหา อันตราตรึง
ห้วงคำนึง มาถึงใจ

ก็แค่สาย ลมอุ่นๆ
กลิ่นรักกรุ่น ละมุนไหม
แทรกอาทร ซ้อนห่วงใย
จากฟ้าไกล ไปหาเธอ

***********************

หนาวเรื่อๆ เจือจาง กับยางหมอก
คลื่นระลอก หยอกเย้า กับเงาผา
ลมโรยๆ โชยกรุ่น กลีบผกา
กล่อมนิทรา นงราม ทุกยามยล

***********************

เจ็บช้ำ ใจชอก จิตชืด
จันทร์มืด จางมาก จากหมาย
กถา กล่าวถึง กึ่งทาย
ดาวราย ด่วนร้น ด้นไร

ยามจาก ยากจำ ย้ำจบ
คิดนพ คำนึง แค่ไหน
ดาวจาง ด่วนจาก ดวงใจ
ลาไกล ลืมกลับ ลับเกิน

ดำริ ดูแล ด้วยรับ
กล่อมสรรพ กลับสบ กลบเสริญ
พร้อมช่วย พรักชู เผชิญ
ก้าวเดิน ก่อนใด กราย "ดาว"

แก้วกราน กกกอด กอบเกื้อ
แอบเนื้อ อุ่นหนี ไอหนาว
เพียบพร้อม พรั่งพรู พร่างพราว
เรืองวาว ราววัชร์ รัตน์วร

สรวมส่ง เสริมสู่ สรวงสันต์
แขขวัญ ขันธ์ขัย เขมขร
พรตเพรา พรหมพร่ำ เพรียกพร
นัยน์นอน นทนบ นาถนาน...

บทสุดท้ายเป็นกลบทกบเต้นสามตอน
ขีดเขี่ยเอาไว้เมื่อครั้งเมื่อคุณยายอันเป็นที่รักยิ่งจากไป

เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะชวนเวียนหัว ... สำหรับ เหล่าฮาร์ดคอร์ และ มาร ทั้งหลาย

ด้วยจิตคารวะ
มีดบินงมงายรัก

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

อย่าหมดศรัทธา...!!!

ข้อเขียนด้านล่างเหมาะสำหรับบุคคลอายุ 18 ขึ้นไป หากเยาวชนท่านใดมีอายุต่ำกว่า ควรได้รับการแนะนำจากผู้ปกครอง

....................................................

เป็นอะไรกันมากไหม ... อ้ายสาดดดดดดด !!!
พอทีมแพ้เท่านั้น เกรียนแตกกันเลยนะ พวกเมิงงงง ... บัดซบ

แทนที่จะเอาเวลาไปห่วงเหล่านักเตะที่เจ็บ ให้กำลังใจผู้เล่นที่เพลี่ยงพล้ำจนพ่ายแพ้มา
กลับนั่งเห่าหอน หาแพะ หาแกะ วุ่นวาย ... ด่าพ่อล่อแม่เหมือนไม่เคยชื่นใจกับคนเหล่านั้น

ก็เหล่าพวกที่เมิงด่า เนี่ย ไม่ใช่คนเดียวกับที่เอาชนะ กระหังแดง มา 3-1 ล่ะ หรือ

แหม !!! วันนั้นเชิดชูบูชากันมืดฟ้ามัวดิน... ถามจริงเถอะ ว่ะ .. มาเสียเวลาเชียร์กันทำไม
ยิ่งไอ้พวกปากหมาน บอกเป็นกองเชียร์ แต่เขียนลงกระดานอิเลคโทรนิคส์ ว่า นี่คือ ทีมดาดๆ

ทำไม เมิงไม่ย้ายทีมเชียร์ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป วะ ... สาดดดดดดดดดดดดดด เอ๊ย..!!!

หันไปเชียร์ บาร์ซ่า นู่น หรือไม่ก็ย้ายข้ามฝั่งไปเป็น สัมภเวสี นู่น ... ชิ้วๆ

แม่มม ย้อย .. !! ด่าว่าไปถึง เดอะ คิง คนที่แม่มมม เพิ่งซูฮกหลังพาทีมจากโซนตกชั้นมาลุ้นพื้นที่ยุโรป
เฮ้อ ..ทำคุณกับไอ้เกรียนขยะ ขยะ เนี่ย ไม่ขึ้นจริงๆ ...

....................................................

ขอประทานอภัย...สำหรับสมาชิกบอร์ดแห่งกำลังใจ ตรงนี้

เกิดอาการนิดหน่อย กับการแวะเวียนไปตามบอร์ด ตามเวปต่างๆ มัน ปรี๊ด ครับท่าน !!!
หลายๆ ที่ พัฒนาเหลือเกินกับรายได้เข้าเวป ขณะที่เรื่องหัวจิตหัวใจกลับตกต่ำจนน่าใจหาย ไร้พัฒนาการ

แม้แต่นักเขียนประจำ และ สาวกที่บอกรักหงส์มากมาย เริ่มสั่นคลอนและออกอาการไร้ความหวัง
ไม่แปลก !!! เท่าไหร่ ... กับภาพที่เจอ ข้อความที่เห็น ... แค่สะอิดสะเอียนและพลุ่งพล่านนิดหน่อย

เอาเถอะ...พวกเมิง !!! เมิงจะคิด จะเขียนด่า กันอย่างไร ... สุดท้ายทุกเรื่องราวล้วนบอกตัวตน

....................................................

“ต้มถั่วใช้เถาว์ถั่วเป็นฟืน เกิดจากรากเหง้าเดียวกัน ใยต้องเผาผลาญกัน”
สรรพสำเนียงจากโลกนิยายกำลังภายใน ที่พวก เกรียนสยาม ในซีกโลกฝั่งนี้ไม่เคยสำเหนียก

....................................................

กลับมาที่เรื่องของเรา...

ทุกอย่างที่ล้วนเกิดขึ้น หาได้อยู่นอกเหนือคาดการณ์เท่าไหร่ ... หากใครได้ติดตามอ่าน
ผมเขียน “ก่อนชนเวสต์บรอมฯ” ด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ ในขณะที่แอบหวังไว้ไม่น้อย

แม้มีบางตอนที่พยายามบอกถึงการให้หลายๆ คน เตรียมใจ
แต่ในฐานะของคนที่ไม่อาจมีทีมอื่นเข้ามาแทรกลงกลางใจได้ ผมภาวนาว่าเราจะสามารถก้าวผ่านมันด้วยดี

แค่ตัวจริงลงครบ ... งานนี้หลายๆ คน รวมทั้งผมยังมองว่า ไม่ง่ายเลย กับการเจอกับลูกทีมของ ฮอดจ์สัน
ทีมที่เล่นในบ้านได้ดี เหนียวแน่น และออกอาการได้ใจกับเสียงเชียร์ของเหล่าสาวก

ลองมองดู คู่แข่งทั้งหลายด้วย ... แม้แต่ทีม สัมภเวสี มันยังดรอป ทั้ง เบิร์บ ทั้ง นานี่
ขณะที่เด็ก ปืน หอยเน่า และ สเปอร์ ก็ต่างเจออุปสรรคคล้ายๆ กัน...

เกมส์ทีมชาติ ... คือ ตัวบั่นทอนชั้นยอด และเป็นผู้ร้าย สำหรับเกมส์สัปดาห์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ดูที่ความฟิตเพียวๆ ผมไม่เคยเห็นสภาพ เดอะ เคาท์ อย่างนี้มาก่อน... มีหมดซะงั้น แถมไม่วิ่ง ดื้อๆ
กองกลางที่วิ่งพล่านทั้งหมดทั้งสิ้น ก็มีแค่ เจ้าปั้ก เจย์ สเปียร์ริ่ง เท่านั้น

แม้แต่อาการบาดเจ็บของสองกองหลังทั้ง แอคเกอร์ และ เกล็น จอห์นสัน
ดูยังงัยๆ มันก็ผลพวงจากเกมส์ทีมชาติทั้งนั้น... อาเมน

หลังเสีย 2 กองหลัง อะไหล่ชิ้นที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ในมือ คือ แดนนี่ วิลสัน กับ เฮียโส ซึ่งต้องเข็นลงมาทั้งคู่

แม่มมม !!! ไอ้ที่ด่า ว่า เฮียโส รวมทั้งใส่ตำแหน่งว่าที่แพะตัวเอ้แห่งเกมส์ เนี่ย ...
เมิงจะให้เอา โจ โคล ไปเล่นหลังตัวกลาง หรืองัย ... อ้าย สาดดดดดดด !!!

ก็เห็นอยู่ ว่า เดอะ คิง ไม่ได้ให้ เฮียโส ลงสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่เมื่อมันไม่เหลือใคร จะให้ทำไง ฟ่ะ
กลับไปคิดถึงวันเจอ สโต๊ค กันบ้าง ว่าใครคือคีย์แมนที่หยุด คาร์ริว จนเป็น ง่อย ... ไอ้ชิบหายยยยยยย

....................................................

อีก 7 นัด ก่อนฤดูกาลพรีเมียร์จะรูดม่าน ... และปิดฉากอย่างสมบูรณ์
ใครหมดแรง ใครท้อ ใครสิ้นหวัง ถอยออกไปไกลๆ หน่อย ... ขอร้อง !!!

หากทฤษฎียังมีโอกาส ผมเองยังพร้อมจะร่วมส่งทีมรักให้ถึงฝั่งฝันเสมอ

และหากใครคิดจะร่วมเดิน ... ลองเอามหานิยายแห่งโลกลูกหนัง ที่ อิสตันบูล มาช่วยกันประคับประคองหัวใจ

วันที่เราดูคล้ายจะไร้สิ้นหนทาง วันที่เราดูคล้ายจะอับจนพลังและความคิด
อะไร ... คือ สิ่งที่ฉุดดึงและเหนี่ยวรั้งให้ทีมของพวกเรากลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผย

ทั้งหมดทั้งมวลคงต้องยกให้ พลังแห่งรัก และ ศรัทธา
ที่เหล่า เดอะ คอป ทั่วโลกมอบให้ทีมอย่างไม่เคยเหือดแห้งและจางหาย

กำลังใจที่หยิบยื่นให้กัน น่าจะเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่มิอาจประมาณ
แม้เหล่านักเตะ และ สตาฟฟ์โค้ช อาจไม่รับรู้ถึงตัวตนแห่งเรา

แต่ผมเชื่อเหลือเกิน ... ว่ามันกล้าแข็งพอ ที่จะพาเราผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปด้วยกันอย่างดี

ขณะเดียวกันผมก็ยังเชื่อมั่นในความเป็น คนหงส์ ของเหล่านักเตะทั้งผอง
ว่าเค้าเหล่านั้นจะไม่ยอมอ่อนข้อ หรือ ยอมก้มหัวให้คู่แข่งใดใดโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเจอสภาพแบบไหน

3-0 กับ 45 นาที ยังทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับ ตั้ง 7 นัด ในเวลา 40 วัน
เชื่อซิ...ถ้าไม่หมดศรัทธากันซะก่อน อะไรๆ ก็ยังมีหนทาง เช่นกัน หรือคุณว่าไง !!!

....................................................

เดอะ คิง

อีกหนึ่งหัวข้อสนทนา ที่มีผู้คนมากมายให้ทรรศนะ ทั้งบวกและลบ ตามปัญญาและความคิดของแต่ละคน
มีคำถามมากมายผุดออกมาราวดอกเห็ด ถึงศักยภาพ ความรอบรู้ และ ฝีไม้ลายมือ

คุณวาดหวังกันไว้เท่าไหร่ ... ฝันเฟื่อง หรือ เฝ้ามองรวมกับสภาพแห่งความเป็นจริง

ฤดูกาลหน้าที่จะมาถึงจะเป็นเช่นไร และ เดอะ คิง จะสามารถทำอะไรๆ ได้ดีขนาดไหน

แปลกหรือ !!! ที่ผมกลับไม่ได้มองถึงแชมป์เอาเสียเลย ในฤดูกาลถัดไป
เพราะไล่เรียงรายชื่อบวกกับสภาพการณ์ที่ควรจะเกิดขึ้น ผมยังควานหาความแน่ใจอย่างลงตัวไม่ได้

หากอยากลุ้นแชมป์ ถ้า เดอะ คิง ขอขาย 12 ตัว และ ซื้อมาซัก 10 มันจะเกิดขึ้นไหม !!!
เอ้า ... !!! นี่ไม่ใช่การล้อเล่น นะเนี่ย ... แต่กลางที่สุดเท่าที่พอจะมองออก

ลองเหลียวดูรายชื่อ บวกฟอร์มการเล่น เอามาขยำเข้ากับ อายุ และ ค่าจ้างรายสัปดาห์
มีกี่คนที่ควรจะเหมาะกับฤดูกาลถัดไป หากอยากไขว่คว้าถึงโทรฟี่...

ตัวริมเส้นสองข้าง 4 คน แบ็คซ้าย 2 คน กองหน้า 1 หรือ 2 กองกลางตัวรุก 1 ตัวรับ 1 เซ็นเตอร์ 1
เกินเลยไปไหม หากต้องการขนาดนี้ ... เอาไว้เผื่อเจ็บและเดี้ยง !!!

สาหัสไม่น้อยหากคิดถึงราคา การเปลี่ยนความเข้าใจ และ ทัศนคติ รวมถึงการปรับจูนให้กลมกล่อม

หรือถ้ามากไป แค่ไหนที่พวกคุณคิดว่าพอ ...

ขณะเดียวกันระหว่างอาการอยากได้ กับ อาการอยากให้ของเจ้าของทีม ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน
แค่รับรู้เพียงบริบทเบื้องต้นเล็กๆ ว่า พร้อมที่จะสนับสนุน ... แต่เท่าไหร่ ล่ะ นั่นยังคงเป็นคำถาม !!!

ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ... เราคงต้องลุ้นระทึกอีกไม่น้อยเช่นกัน

และหากจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็พร้อมรับทุกเรื่องราวอย่างมีสติและเต็มด้วยความเข้าใจ
เพราะถึงแม้จะได้น้อยกว่านั้น ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องแคร์ ในเมื่อผมยังไม่หมดรักกับทีมซักหน่อย

ที่สำคัญ... ผมไม่เคยหมดศรัทธากับตัว เดอะ คิง ผู้ชายที่ถวายหัวใจให้ลิเวอร์พูล

....................................................

มีมากมายหลายหัวข้อ แสดงถึงความลังเล และ ไม่เชื่อมั่น กับชายผู้กุมบังเหียน
รวมถึงข้อความที่ว่าน่าจะให้ เบนิเตซ มาคุมในเกมส์ยุโรป ขณะที่อยากให้ เดอะ คิง คุมพรีเมียร์

ป้าด....!!! ถ้วยยุโรป มันใช้มือเล่นหรือ หรือมันให้คนเล่น 15 คน ถึงต้องใช้คนต่างกัน ฟ่ะ

หากเชื่อมั่นตัวตน และ ให้ความไว้วางใจ ผมว่า เดอะ คิง เนี่ย คือคนที่ใช่ที่สุด
คนที่จะพาเรากลับสู่เส้นทางที่เราหลงกันมาแสนนาน คนที่จะพาหัวใจแห่งเครื่องจักรสีแดงกลับมาอีกครา

แค่ขอเวลาพิสูจน์ ผสมกับโชคชะตานิดหน่อย รับรองว่าถ้าไม่ทิ้งกันเสียก่อน คุณได้เจอสิ่งงดงามแน่นอน

ผมโครตมั่นใจ !!!

....................................................


หมายเหตุ : ข้อความเหล่านี้ ล้วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล ใครเกรียนแตก!!! ก็ช่างหัวเมิง ปะไร ...

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ก่อนชน เวสต์บรอมฯ

ก่อนเกมส์ชน เวสต์บรอมฯ เกมส์ที่กูรูทั้งหลายต่างฟันธง
ว่ายากนักที่ หงส์แดง จะแผลงฤทธิ์และเข้าไปกระชาก 3 แต้มล้ำค่าจากรัง ฮอร์ทรอน

จริงเท็จประการใด โอกาสมีไหม หรือต้องเตรียมทำใจไว้ก่อน เรามาแงะแกะเกากันเล่นๆ

เอาเป็นว่า ... ถ้าถามกันแบบไม่ต้องคิด ในฐานะ แฟนหงส์ ผมคงหลุดปากพลันว่าเราชนะแน่นอน
เพราะดูเหมือนขุมกำลังจะค่อนข้างพร้อม กับอาการบาดเจ็บของนักเตะทั้งหลาย

จะดูมีปัญหาก็แค่จุดเดียวนั่นคือตำแหน่งแบ็คซ้าย ซึ่งคงเหมือนเดิม คือ เอา จีเจ มาขัดตาทัพ
และให้ คาร์ร่า ประจำการด้านขวา อันเป็นตำแหน่งของ แคลลี่ ที่ยังเจ็บซ้ำซ้อน

ขณะที่เกมส์ด้านหลังตรงกลางยังคงพึ่งพาไอ้โรคจิต สเคอร์เทล กับ หนุ่มเบลเยี่ยม แอคเกอร์

กองกลางคงต้องลุ้น เดอะ คิง อยู่ตำแหน่งเดียว ว่าจะตัดสินใจเลือกใคร
ระหว่าง กัปตันไดนาโม กับ เดอะ ปั้ก เจย์ สเปียร์ริ่ง ที่นัดหลังสุดเล่นได้สะเด่าไม่น้อย

ขณะที่สามตำแหน่งที่เหลือ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะทั้งหมดคือตัวยืนที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี

ทั้ง ลูคัส หนุ่มบราซิล ที่เพิ่งเซ็นสัญญาอุดปากเกรียนสยาม เล่นเอาเงียบไปทั้งบาง
เมย์ราเลส สักอสรพิษ ที่น่าจะอัดอั้นตันใจ หลังจากไม่ได้ระเบิดตาข่ายมาหลายเพลา

รวมถึง เดอะ เคาท์ ศูนย์หน้าที่เพิ่งเล่นได้อย่างตื่นตากับทีมชาติฮอลแลนด์ แถมยังกระทุ้งไป 2 ประตู

ขณะที่อีกสองตำแหน่งกองหน้า คงไม่ต้องคิดเพราะทั้ง ซัวร์เรส และ คาร์โรลล์ ต่างกระหาย

ยิ่ง ซัวร์เรส แล้ว หลังว่างเว้นเพราะอาการบาดเจ็บนิดหน่อย จนต้องบอกลาทีมชาติ
งานนี้คงต้องหารู หาช่อง เพื่อระบายออกกันบ้างล่ะ ...

.......................................

ลืมไม่ได้โดยเด็ดขาดกับความเป็นจริงบางประการ
หลังเกมส์กลางสัปดาห์ และเกมส์ทีมชาติ ในช่วงท้ายฤดูเยี่ยงนี้

เหล่านักเตะของเรามักมีอาการยุบ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผ่านสายตากันมาไม่น้อย
กับการไปรับใช้ทีมชาติของหลายๆ คน น่าจะเป็นปัญหาที่เราต้องพะวงพอสมควร

บวกกับการเจอทีมที่เล่นในบ้านค่อนข้างดี แถมยังเป็นทีมที่ดิ้นรนจากการตกชั้นอีกต่างหาก
กับสถิติไม่แพ้ใครตลอด 5 นัดที่ผ่านมาของ เวสต์บรอมฯ น่าจะทำให้เราสะดุ้งสะเทือนเล็กๆ

เพราะเกมส์ก่อนหน้านี้ในบ้านก็เกือบชนะ ปืนใหญ่ ด้วยซ้ำ ถ้า เวสต์บรอมฯ เองไม่ออกทะเลกันไปก่อน
แถมทีมของ ฮอดจ์สัน ยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องเกมส์รับในบ้านด้วย

แม้จากสถิติเฮดทูเฮด 10 นัดหลังสุด เราอาจเป็นฝ่ายกินขนมมาทั้งหมด 10 ครั้งก็ตามที
และทั้ง 10 ครั้งที่พบเจอกัน หงส์แดง กลับกดไป 25 ตุง โดยไม่เสียความบริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย

งานนี้หวังอย่างยิ่ง ว่า ซัวร์เรส และ ผองเพื่อน จะช่วยผ่อนคลายให้เราแต่เนิ่นๆ

หากไม่มีอะไรผิดพลาด จากบรรดากูรูทั้งหลายที่ต่างชี้ชัดว่าเราจะพ่ายแพ้ หนึ่งลูก
ไม่ว่าสกอร์จะเป็น 1-0, 2-1 ก็ตาม และให้ความหวังสูงสุดแค่เสมอในทุกสกอร์

แต่ผมกลับมองว่า กูรูทั้งหลายอาจลืมมองและเลือกที่จะไม่เข้าใจในพลังแฝงของการแย่งชิงพื้นที่ยุโรป

ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าทั้งตัว เดอะ คิง และเหล่านักเตะทั้งผอง ต่างร่วมแรงร่วมใจเพื่อทำให้ถึงฝั่งฝัน
งานนี้อาจมีการหักปากกาเซียนถึงขั้นต้องมุดธรณี

ใครจะฟันธงเยี่ยงไร ใครรักแบบใดและชอบกรณีไหน คงต้องวัดหัวใจคุณดู

แต่งานนี้ หากไม่ได้ยินเสียงนกหวีดหมด 90 นาที ผมคนหนึ่งล่ะจะไม่ยอมศิโรราบให้ใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ถึงแม้จะทำใจเล็กๆ เพื่อรองรับความผิดหวังไว้บ้างก็ตามที

หมด 90 นาที ค่อยมาว่ากัน !!!