วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องตลก !!!

ตลกสิ้นดี !!!

หลังเกมส์ ลิเวอร์พูล ประทะ สาลิกาดง ที่เหตุการณ์มากมายบังเกิด ส่วนตัวนับว่าออกจะดูวิกฤติไม่น้อย
แต่ความที่ผ่านอะไรๆ มากมายมา จึงแค่รู้สึกหม่นหมองเล็กๆ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

อารมณ์เสียไปทำไม กับการที่เห็นทีมสมควรได้จุดโทษกับหนึ่งใบแดง กับการใช้แขนป้องกันประตู
อารมณ์เสียไปทำไม กับการเห็นการเสียประตูจากลูกล้ำหน้า ที่ดูเป็นการตอกฝาโลงและฝังเราทั้งเป็น

อารมณ์เสียไปทำไม กับการเห็นฉากละครตบตาฉากหนึ่งที่ทำให้ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ถึงโดนไล่ออก
แปลกใจอยู่ครามครัน !!! กับกรณีหลังที่หลายคนถึงกับยินดีปรีดาจนออกนอกหน้า เพียงเพื่อจะได้ยลฝีมือตัวสำรอง

แถมยังไม่ยินดียินร้ายกับวิบากกรรมของนักเตะที่ทุ่มเทให้กับเราผ่านเกมส์แล้วเกมส์เล่า เหมือนพวกเค้าไร้ค่า

ปัญหาผมไม่ได้อยู่ที่ เรน่า ต้องถูกต้องเสมอ 
แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานมากกว่าที่ตาเนื้อเห็นบางกรณีผมยังยืนข้างนักเตะเสมอ

หลายคนตั้งหน้าตั้งตามอบข้อหา ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้ !!! 
โทษว่ะ เมิงเป็นกระดอ เรน่า หรือ !!! ถึงรู้ว่า เรน่า เจตนาหรือไม่ !!

อุตส่าห์อธิบายเป็นภาษาคน ว่า เออ ถ้า เรน่า แค่จะเอาหน้าเข้าไปถาม ว่ามีปัญหาอะไร ไหมล่ะ ..!! ทำไมจะคิดไม่ได้
เพราะมีมากมายหลายกรณีเหลือเกิน ที่นักบอลเอาหัวชนกัน แล้วผรุสวาทใส่กัน ด่ากัน ไม่ใช่ไม่มี

นอกจากจะมาอ้อมแอ้มหาว่าเราเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่ไม่อ่านกันตั้งแต่คอมเม้นท์ต้นๆ แล้ว ยังพาลแถกสีข้าง
ตั้งใจ แต่ จะเห็นว่า เรน่า ยั้งๆ ... บ้านพ่อเมิง ตั้งใจกับเจตนา ...แล้วมาบอกยั้ง ตกลงตั้งใจ หรือไม่ !!!

เหมือนโดนตำรวจจับข้อหาเจตนาฆ่า .. หลังสารภาพตำรวจถาม คุณเลือกได้ที่จะยิงหัว ทำไมยิงตาตุ่ม !!!
ผมยั้ง ครับ ........ ควายแล้วไง ทีนี้เจตนาฆ่า ยังอยู่ล่ะซิ.. หากมานเอานัยยะนั้นตัดสิน

ฉันใด ฉันนั้น ขนาดแม่มมม ยังมองว่าเรน่า ยั้ง เมิงทำไมจะมองต่อ ว่า เออ เรน่า ไม่ได้คิดทำแล้วเว๊ยยย แค่อยากถาม
คำว่าตั้งใจหรือเจตนา ไม่ว่าตีความแบบไหน มันก็ได้บริบทเดียว คือ คิดก่อน ตัดสินใจกระทำ ให้บรรลุเป้าหมาย

ตั้งใจทำร้าย นั่นหมายความว่า มานต้องเจ็บ ไม่ใช่ยังไม่โดน เพราะ ยั้ง กระบวยๆ แต่เจือกเอามือกุมหน้าครวญคราง
แทนที่จะด่าไอ้เวรที่เล่นละครตบตา กลับยัดข้อหาที่ดูชาติชั่ว ขนาดข้อหา ตั้งใจทำร้าย ให้ เรน่า ซะงั้น

แล้วยังมาบอกซะอีกว่าไม่หยามผู้เล่น ก็ไอ้ที่บอกว่าเค้าเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้น่ะ ไม่หยามมันเรียกว่า ชมเชยหรือไง !!!
แถมพื้นที่ตรงนั้น ปกติมันต้องคุ้มครองผู้รักษาประตูให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วยซ้ำ...!!!

อีกทั้งยังสงสัย ที่เมื่อครั้งกรณี ซัวร์เรส โดนข้อหาเหยียดผิว 
ทำไม๊ ... แม่มมม ถึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ซัวร์เหยิน ไม่ผิด
แต่ขณะเดียวกัน กับกรณี เรน่า เมิงถึงกล้าตัดสินทันที ว่า นี่คือ เจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ ... แสรด !!!

คือถ้าเป็นที่อื่นเรื่องบางเรื่อง ส่วนตัวผมก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่ต้องตีมันกับทุกกระบวน
แต่ไอ้ที่มันเคือง เพราะที่นี่มันดันมีกฎศักดิ์สิทธิ์ข้อ 7 ที่ห้ามหาแพะ หาแกะ ให้วุ่นวาย และเราควรเคียงข้างนักเตะ


บอกกันแล้ว ว่า ผมจะไม่เดือดร้อนใจเลยซักนิด หากกรณีเป็นความผิดชัดเจนแบบไร้ข้อถกเถียง
แต่การออกมาระบุ ว่านี่คือความผิดชัดเจน ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้ จากปากคนในที่แห่งที่ว่า ผมว่ามันเกินเลย

เพราะไม่ใช่มีแต่ที่นั่นจะออกความเห็นกันอยู่บ้าง ว่า มันจะแดงได้ไง ในเมื่อไม่โดนเนื้อต้องตัว
แถมยังมีบทความวิเคราะห์ วิพากษ์ มากมายในต่างประเทศ ขนาดตั้งสันนิษฐาน ว่าหากอุทธรณ์อาจมีหลุด

ที่สำคัญ ผมแม่มมม !!! ไม่เห็นความเกี่ยวเนื่องกันเลยซักนิดกับคำอธิบายที่แสนวกวน
คำอย่าง "ผิดเต็มประตู" "ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้" และคำอย่าง "เห็นเรน่ายั้งๆ" มันเกี่ยวกันตรงไหน !!!

หากยั้งแบบตาเห็นจนกระทั่งไม่โดนตัวซักนิด มันแปลได้ใจความ ว่า "ผิดเต็มประตู" ไหม ..
ขณะเดียวกัน หากยั้งจนไม่โดนเนื้อ มันเข้าข่าย "ตั้งใจทำร้าย" หรือ "เจตนาทำร้าย" คู่ต่อสู้ตรงไหน 

เอาเถอะ !! เมิงจะเลี่ยงบาลีจนสีข้างถลอกแบบไหนก็ตามต้องการ จะโชว์พาวแสดงตนแบบไหนก็ตามสบาย
เพราะท้ายที่สุด เมิงก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เมิงตั้งป้อมด่าเค้าไว้ ... ไม่ต่างกัน !!!
……………………………………………………………….

ที่ออกมาสะกิด ก็นะ เคยมีบทความของตาก้องที่เขียนไว้อย่างดีว่า


ในฐานะแฟนบอล หน้าที่ของเราคือ เชียร์ และ เชื่อให้ถึงที่สุด
หลายคนอาจจะแย้งว่า ความเชื่อแบบไม่ใช้สมองมันเหมือนโง่

ใช่ครับ ความเชื่อ แบบ ไม่มีปัญญา อาจจะดูเหมือนโง่ครับ
แต่ อย่าลืมว่า เพราะมี ความเชื่อ แบบนี้แหละครับ

โลกเราถึงได้หมุนไปข้างหน้า มีอะไรดีๆเกิดขึ้นมากมาย เทคโนโลยี ศิลปะ วิทยาการต่างๆ
คนเราเมื่อถูกคนอื่นพูดบ่อยๆ ว่าเป็นแบบไหน ไม่ว่า "ทางบวก" หรือ "ทางลบ"

ก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อและเป็นไปแบบนั้นจริงๆ

บางคนถูกคาดหวังจากคนอื่นและได้รับความเชื่อ เช่น ถูกเชื่อว่าทำได้ แม้สิ่งนั้นจะดูยากแสนยาก
สุดท้ายคนๆนั้นก็พาลทำสิ่งที่คนอื่นเชื่อให้เป็นจริงได้ครับ

ความเชื่อทางบวกแบบมาจากใจจริงอย่างถึงที่สุดว่าเขาจะทำได้ นี่แหละครับ บ้านผมเรียกว่า “กำลังใจ

แหม II ตอนเอาไปลงก็คอมเม้นท์กันมากมาย ดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้ แล้วแม่มมม !!! ทำได้กันซักกี่ตัว
กับ การทำให้ตัวเองเชื่อให้ถึงที่สุด.... ถุ๊ยส์

เอามาแปะเป็น Memo ไว้ก่อน....ว่างๆ จะ ต่อ เน้อ

เคยตั้งใจว่าจะมาต่อ โดยคิดว่าอาจจะเปลี่ยนให้มันดูเบาบางลงเล็กๆ แต่ถึงวันนี้คงปล่อยไว้แบบนี้
เพราะผมเองก็ไม่ใช่พวกตอแหล แบบวันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง คิดยังไงก็ปล่อยมันไปแบบนั้น เอวังก็มีด้วยประการ ฉะนี้