วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์แดงนิวส์ 2


หงส์แดงนิวส์ ฉบับ 2 วางแผงหลังกลับมาเล่นบอร์ดลิเวอร์พูลอีกครา เล่มนี้เล่มหยั่งเชิง วัดกระแส

มีผลลัพท์น่าพอใจ จนอดรนทนไม่ไหว ต้องเข็นเล่มต่อๆ มา ออกเพื่อเอาใจแฟนคลับ

ดูแบบเต็มๆ ตาได้ที่ กดเบาๆ อย่ารุนแรง นะเอย

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์แดงนิวส์ 1


ฉบับแรก ออกเมื่อ 20 เมษายน 2551 ที่ liverpoolthailand.com

ถ้าไม่พลาดน่าจะได้ลงลิเวอร์พูลรายเดือนเมื่อนานมาแล้ว (ตาจินน์มาขอไปลง)


แต่ลงหรือไม่ลง อันนี้ไม่ทราบ ... เลิกลาเพราะบอร์ดระเบิดจากหลายๆ เรื่อง

เอากลับมาให้ชม เผื่ออาจคิดถึง ... ดูแบบเต็มๆ ตา เชิญทัศนา ที่ อย่ากดแรง นะเอย

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อันดับ 4 ดราม่ายันสุดท้าย

คันไม้คันมือ...ยิ่งนัก
เขียนอะไรๆ ออกมา 3-4 หน้ากระดาษแต่กลับไม่ใช่ตัวตนคนเขียนเสียเลย ... บาทโซบ จริงๆ เรา
มันออกวิชาการวิชาเกิน เกินไป แม่ไม่ปลื้มแน่ ... ช๊านนนนน !!!
เอาใหม่ เอาแบบนี้ดีกว่า...

....................................................................

หลังเกมส์เมืองปราก เกมส์ที่คนเขียนหากังวลไม่
เพราะเลคสองที่จะเกิดบนสังเวียนแข้งศักดิ์สิทธิ์ของเรา นับว่าเป็นแมทซ์ที่เราออกจะได้เปรียบมากมาย
การไม่ต้องเดินทาง การเปิดบ้านต้อนรับพร้อมกับเหล่าเดอะ คอป ที่หนุนหลังจำนวนมหาศาล
สังเวียนที่มักทำให้คู่ต่อสู้ปอดกระเส่าได้เสมอ แล้วจะกลัวทำไม ???
เรื่องเกมส์การฟาดฟัน ก็หาใช่เรื่องน่าห่วง เพราะถ้วยยุโรปคงเป็นความหวังอันดับต้นๆ ของทีมเหมือนกัน
การห่างหายจากโทรฟี่ มันไม่ใช่คาแรคเตอร์ของทีม นี่หน่า !!!
อีกอย่างการได้โทรฟี่ใบนี้อาจเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมสำหรับทีม เหล่า เดอะ คอป และ เดอะ คิง

....................................................................

ความกังวลส่วนใหญ่กลับโฟกัสที่ อันดับ 4 ในลีค มากกว่า
และเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนลุ้นสุดตัวกับการจบฤดูกาลโดยมีอันดับเหนือเชลซี
ทีมที่มีแสงสว่างปลายอุโมงค์ในมุมมองของบางคน !!!
เอาเถอะครับ ใครจะมองทีมไหนมีแสงสว่างโชติช่วงขนาดไหน คงต้องช่างกบาลใครกบาลมัน
มาดูทีมเล็กๆ ที่ได้ ถ้วยยุโรป 5 ครั้ง อันดับ 1 ใน ลีค 18 ครั้ง แบบทีมเราดีกว่า !!!
โอกาส ความหวัง ความฝัน และ โลกแห่งความเป็นจริง มีอะไรบ้างที่เราจักต้องเผชิญ...
ถ้านับถึงตอนนี้ กับการเหลือแต้มให้หยิบ 33 แต้ม และตามหลังทีมอย่างสเปอร์ 8 แต้ม
อีกทั้งยังแถมให้อีกกับนัดตกค้าง อีก 1 นัด ... โอ้ว ...!!! แม่มมมมม ช่างยากแท้น๊อ
แต่มองในอีกมุม นี่ก็เกือบ 1 ใน 3 ของฤดูกาลเยี่ยงกันนี่หน่า

....................................................................

เหลียวมาดูกันนิด โอกาสไหนที่พอจะเป็นไปได้ และ จับต้องได้บ้าง
ส่วนตัวไม่ชอบเลยซักนิด กับ การเอาสถิติมาประมวลความคิด เพราะสถิติบางครั้งก็เหลวไหลและบ้าบอสิ้นดี
แต่ไหนไหน คงต้องเอามาเทียบเคียงซักหน่อยเพื่อให้เห็นภาพกันบ้าง
ไม่งั้นไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรอ้างอิง (ฮา) ลองๆ แลดูแล้วกัน

....................................................................

สมมติฐานที่ 1 หากเอาค่าเฉลี่ย 6 ปีหลังมาเป็นมาตรฐานตั้งต้น เลิกคิดได้เลยพวกเรา !!!
เพราะค่าเฉลี่ยของทีมอันดับ 4 มันมีค่าที่ 68.5 คะแนนเชียว ... หน่าว๊อยส์...
นั่นหมายถึงเราต้องการ 29.5 แต้ม จาก 33 แต้ม... อันนี้ ยากไป... แทบพลาดไม่ได้ซักนิด
ไม่เอาอันนี้ เนอะ...

งั้นมา สมมติฐานที่ 2 เอาคะแนนต่ำสุดของ 6 ปี มาเป็นตัวตั้งแล้วกัน... 61 คะแนน คือ เป้าหมาย
แหม่ๆ... อันนี้พอไหว ... แค่ 22 แต้มเท่านั้น ไกลเกินเอื้อมที่ไหน

....................................................................

แต่ที่น่าสนใจกลับไม่ใช่เรื่องราวของสถิติ 6 ปี ก่อนหน้านี้ซักหน่อย ในมุมมองของคนเขียน
แต่เป็นสถิติสดๆ ร้อนๆ ในฤดูกาลนี้ต่างหาก ที่ดูยวนตายั่วใจยิ่ง
ดูย้อนจากต้นฤดูกาลถึงตอนนี้เหล่าอริตัวเอ้จากลอนดอนที่ขวางทางเราอยู่ ทั้ง สเปอร์ และ หอยทะเล
ต่างมีสถิติที่เราพอฟัดไหว ... 26 เกมส์ สเปอร์ ทำแต้มได้เฉลี่ยต่อเกมส์ 1.80 แต้ม
ขณะที่ หอยทะเล ทำได้เพียง 1.73 คะแนนต่อนัด
นั่นหมายถึง สเปอร์ จะทำได้เพิ่มอีก 21-22 แต้ม ในช่วงเวลาที่เหลือ
และ หอยทะเล จะทำได้เพียง 20-21 แต้ม เท่านั้น
ภายใต้ร่มเงาของ เดอะ คิง ใครแม่มม !!! จะการันตีว่าเราทำดีกว่านี้ไม่ได้ ... จริงไหม !!!
รวมกับสถิติ 6 นัดล่าสุด ที่เราทำคะแนนได้เฉลี่ยถึง 2.33 คะแนนต่อนัด นั่นคงพอทำให้อุ่นใจได้บ้าง...

....................................................................

อย่าเพิ่งตีอกชกตัว และ ฝันกันไกล ลิเวอร์พัดเลี่ยน ทั้งผอง กลับมาที่เรื่องจริงแท้แน่นอนอีกเรื่องดีกว่า
อีก 11 นัด ของเรา และ 12 นัดของทั้ง หอยทะเล และ สเปอร์ ใครจะเจออะไรกันบ้าง อันนี้น่าสนใจ !!!
เบิ่งตามองและยลตามตารางด้านล่าง ...



จากตารางด้านบน ถ้าถามว่าเราสบายกว่าไหม .. หรือ เรายากกว่าไหม ปัจจัยแวดล้อมเพียบ ยากจะบอก
แต่ที่แน่ๆ หากเอาผลจากต้นฤดูกาลมาเทียบเคียง ทีมที่สาหัสที่สุดคงหนีไม่พ้น สเปอร์

ไหงงั้น..!!!

....................................................................

สเปอร์ ต้องเจอของดี แน่ๆ 4 ทีม คือ อาร์เซนอล / แมนฯ ซิตี้ / เชลซี และ เรา ใน นัดรองสุดท้าย
นอกจากต้องตัดแต้มกับทั้ง เชลซี และ เรา แล้ว สเปอร์ ยังต้องเจอ ของแสลง อีกไม่น้อย
เริ่มจาก เวสต์แฮม ทีมที่ สเปอร์ ไปเยือนแล้วเสียแมวมา 1-0 ตอนต้นฤดูกาล
และนัดต่อมายังต้องโคจรไปพบกับ วีแกน ทีมที่ สเปอร์ เองเปิดรังสร้างความอับอายมา 1-0 เมื่อ 28 สิงหา
แถมอีก 2 นัดที่จะเจอกับ เวสต์บรอมวิช และ เบอร์มิ่งแฮม
ซึ่งทั้ง 2 ทีมนี้ สเปอร์ เองเคยไปเยือน แต่ไม่สามารถข่มทั้งสองลงได้ โดยได้ผล 1-1 มาแล้วกับทั้ง 2 ทีม
ถ้าว่ากันตามนี้... 12 นัดของ สเปอร์ กลับมีถึง 8 นัดเลยเชียวที่น่าติดตาม.... น้อยซะที่ไหนล่ะ นั่น !!!

....................................................................

หันมาทาง หอย บ้าง...
หอยทะเล เจอของแข็งแน่ๆ 4 นัดเช่นกัน คือ แมนฯ ซิตี้ / สเปอร์ และ การเจอ กระหังแดง 2 รอบไป-กลับ
และของแสลงของ หอย ที่น่าจับตาดูยิ่ง คือการพบกับ นิวคาสเซิล ที่ในฤดูกาลนี้ พบกันมา 2 ครั้งแล้ว
และทั้ง 2 นัด หอย ออกอาการเสียแมวประหนึ่งโดนขึงพืดโดยกระเทยควายร่างยักษ์
เริ่มจากการเจอกันใน ถ้วยมิคกี้เมาท์ (Carling Cup)
งานนั้น หอย โดนสอยตรูด ไป 4-3 ทั้งๆ ที่เปิดสังเวียนสังวาสในบ้านตัวเอง
ขณะที่เกือบ หอย ฉีก ด้วยผลเสมอในลีค 1-1 คาบ้านตัวเองอีกครา...
เท่านั้นยังไม่พอ ... อีกทีมที่อาจทำให้ หอย เสียวได้อย่างไม่น้อยหน้า
นั่นก็คือ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน อริร่วมเมืองของเรา นี่เอง เพราะจากการเจอกันทั้ง 3 นัดในฤดูกาลนี้
ทั้งในลีค 1 นัด และ ในถ้วย เอฟเอคัพ 2 รอบ หอย เองไม่สามารถเอา ทอฟฟี่ ลงได้เลยซักครั้ง
การเจอกันอีกครั้งในวันปิดฤดูกาล อาจเป็นของแสลง หอย อย่างแท้จริงก็ได้ ใครจะไปรู้ ล่ะ ...!!!

....................................................................

สำหรับ หงส์แดง...
บททดสอบโหดๆ ตามเนื้อผ้า คงต้องบอกว่าทุกนัดต่อไปนี้คือ ความหฤโหด อย่างแท้จริง
ที่ว่า หฤโหด คงเป็นเพราะเราต้องรับมือกับความกดดันในการไล่ตาม
การพลาดแม้เสี้ยวอาจหมายถึงหายนะที่มิอาจเรียกคืน
แต่แมทซ์หนักๆ ที่เราต้องผ่าน อาจนับเป็นตัวช่วยชั้นดีในการสร้างความมั่นใจ
เริ่มจากการเปิดบ้านเจอ กระหังแดง ในวันที่ 6 มีนา
หากเปิดหัวเกมส์นี้ได้ดี การเจอกับ แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซนอล ในวันที่ 10 และ 16 เมษา คงไม่ใช่เรื่องยาก
และนัดรองสุดท้ายของฤดู การเปิดสังเวียนแข้งรับ สเปอร์ อาจเป็นฉาก ดราม่า ฉากสำคัญยิ่งในฤดูกาล !!!

....................................................................

ไปทีละนัด มองทีละเกมส์ และ อยู่ในโลกแห่งความจริงให้มาก
การเจียมตัว การมองโลกอย่างเข้าใจ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันการเสียใจได้ไม่น้อย
เหลียวมองอย่างเป็นธรรม เรื่องชัดเจนเรื่องหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ คือเรื่องของ ขุมกำลัง
เพราะเทียบกันยังไง ระหว่างเรากับสองคู่ต่อสู้จากเมืองหลวง เรื่อง ขุมกำลังสำรอง เรานับว่าเป็นรองยิ่งนัก
แต่ใช่ว่าทฤษฎีนี้มันจะมีคำตอบเป็นแบบเดียวกันเสมอ นี่หว่า!!!
ไม่งั้น หอย แม่มมมม.. คงเป็นแชมป์ทุกปีอย่างไร้คู่ต่อกร แทนที่จะกระเสือกกระสนแบบที่เป็นอยุ่

....................................................................

บวกกับหลากปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆ ได้อีกมากมาย

....................................................................

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ตัวเอง
แค่หวังให้นักเตะทุกคนซึมซับ Pass & Move ของ เดอะ คิง ได้อย่างถ่องแท้ในเร็ววัน
วาดหวังว่านักเตะทุกคนจะฟิตและไม่โชคร้ายเกิดอาการบาดเจ็บ
และถ้าอาวุธหนักอย่าง แคร์โรล และ ซัวร์เรส จูนกันติด
อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้กับทีมที่สร้างปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน ทีมที่บรรจงสร้างมหากาพย์เป็นว่าเล่น
คงต้องลุ้นระทึกกันไม่น้อยต่อไป กับ ยุทธการช่วงชิงพื้นที่แชมป์เปี้ยนลีค
ที่ดูจะ เข้มข้น และ ดราม่า จนแทบรอชมกันนัดต่อนัดไม่ไหว !!!

....................................................................

ถึงที่สุด เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดจบเวลาการแข่งขันใน นัดที่ 38
ไม่ว่าวันนั้นจะลงเอยเยี่ยงไร จะสุข จะทุกข์ จะดราม่า หรือ น้ำตาคลอ ขนาดไหน
สิ่งที่เราซึมซับได้ในปีนี้ก็ออกจะคุ้มเกินค่าประมาณ
แม้การเลือก คนที่ไม่ใช่ ในตอนเปิดฤดูกาล กับ การได้ คนที่ใช่ กลับมาดูแล
กลับเป็นเรื่องยิ้มได้ประการหนึ่ง
การเสียคนที่เหล่า ลิเวอร์พัดเลี่ยน ทั้งผองเชิดชู บูชา ราว เทพเจ้า
เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มเปี่ยมไฟ ชาวอุรุกวัย และ เด็กหนุ่มล้นพลัง ชาวจอร์ดี้ ก็ดูดีมีชาติตระกูลไม่น้อย
แล้วกลัวไปใยกับเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมา ใครว่าไม่คุ้มช่างหัวแม่มมม!!! ตรูว่าคุ้มแล้วกัน (ฮา)
นี่ยังไม่นับรวมถึงการเห็นเครื่องจักรเล็กๆ ได้กลับมาสู่เส้นทางแห่ง ลิเวอร์พูล อีกครา
เหลียวเห็นอนาคตกับมุมมองผ่านฝีเท้าเยาวชนอีกไม่น้อย ...
อีกทั้งยังสามารถดูบอล์ล เชียร์ทีมที่รักได้อย่างไม่เคอะเขิน กว่ารอบหลายเดือนต้นฤดูกาล

โอ๊ยยยย!!! สารพัดคุ้ม

....................................................................

โทษที !!! ถ้าจะฟันธง ว่า
หงส์แดงได้ที่ 4 โดยแต้มนำที่ 5 ที่ตามมาติดๆ อยู่แค่คะแนนเดียว
และ อันดับ 6 คือ หอย โดยตัดสินกันในวันสุดท้ายของฤดูกาล จะมีใครเคืองไหม !!!

....................................................................

ข้อความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล มิได้เจตนาก้าวล่วงผู้ใด 

หากทำให้ผู้ใดขุ่นมัว ก็ไม่รับผิดชอบใดๆ นะเอย ..... (ฮา)

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หลังเกมส์วีแกน สู่เกรียนสยาม

“ขอเพียงคนยังมีชีวิตอยู่ ก็สมควรยิ้มออก ขอเพียงยังสามารถยิ้มออก ก็สมควรยิ้มให้มากไว้”

......................................................................

โชคดีที่เป็นวีแกน...
ผมนึกในใจหลังจบครึ่งแรก แม้สกอร์จะบ่งบอกว่าเรานำอยู่ 1-0
ทรงบอล์ล น้ำหนัก และ ทิศทาง ดูไม่ลื่นไหล
ประกอบกับสภาพร่างกายของเหล่าขุนพลที่อ่อนล้าจากการไปรับใช้ชาติ
ตัวหลักหลายคนเจ็บ และ ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
จินตนาการ และ โอกาสสร้างสรรค์ ดูน้อยลงตามศักยภาพของนักเตะ
ต้องยอมรับว่าตัวตายตัวแทนในแต่ละตำแหน่งดูฝืดเคืองไปหน่อย
การกลับมาใช้ระบบ 4-4-2 อีกครั้ง ดูไม่เป็นอย่างที่คิด...
ขณะที่เกมส์ริมเส้นไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิงในช่วงครึ่งทางของเกมส์

......................................................................

13 นาทีครึ่ง นับจากเสียงเพลงของ The Beattle จบลง และเสียงนกหวีดกังวาน
เราแทบโงหัวไม่ขึ้น แต่หลังจากนั้น อะไรอะไรถึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง
10 นาที หลังจับทางถูก เครื่องจักรเล็กๆ ก็ได้เวลาทำการ
ออเลริโอ ล็อคหลบกองหลังวีแกนแบบเสียแมว ก่อนเปิดเข้ากลาง
หลังแฉลบหนังหัว จากการเคลียร์ โดยนักสู้ของ วีแกน
เป็น เมเรเลส อีกแล้ว ที่ ถูกที่ถูกทางถูกตำแหน่งถูกน้ำหนัก โครม !!! 1-0
และ โชคชะตา ก็เริ่มทำงาน และเล่นตลกกับพวกเราอีกครา
3 นาที หลังจากประตู 1-0 ซัวร์เรส โชว์เชิงปั่นลูกบอล์ลส่งสู่เสาไกล
โอ้ว !!! แม่เจ้า แม่นราวจับวาง โครมเบ้อเร่อ เช่นกัน เสา....
แม่มม เอ๊ยยยยย !!! ผมสบถในใจ
นาที ที่ 29 Gohouri เสียเหลี่ยมให้กับ ซัวร์เรส อีกคำรบ คราวนี้โดนถึงใบเหลือง
ในทางกลับกัน ฝั่งของ วีแกน ก็วูบวาบเป็นระยะ
แต่เป็นการวูบวาบแบบมีเสียวหลายต่อหลายครั้ง จนผมแอบหวั่นใจ โดนแน่ ตรู !!!
เพราะดูเหมือนหลวมๆ ยังงัย ชอบกล วันนี้
แม้แต่ ลูคัส อดีตลูกแพะของเหล่าเกรียนสยามเองก็ตามที นับว่าโดนจำนวนเกมส์เคี่ยวกรำ ยิ่งนัก
หากเป็นสมัยก่อน 35 นาที โดนฉกบอล์ลไป 2 ที เนี่ย ตอนนี้คงมันส์ปากหลายคนไปแล้ว
ถ้าไม่นำ 2-0 ทุกอย่างมิอาจวางใจ จริงๆ

......................................................................

เริ่มต้นครึ่งหลัง เป็นเราที่โดนขึงพืดอีกครา และเกือบเสียประตู
ดีที่ สเคอร์เทล แหย่ขาได้เหมาะเจาะยิ่ง รอดไป...
หลังอ๊วกตอนพักครึ่ง นาที ที่ 54 เมเรเลสถูกเปลี่ยนออกและเป็นเอ็นก๊อกที่เข้ามาประจำการ
อีกทั้งขยับมักซี่ที่วันนี้เล่นด้านขวาไม่ออก โยกมาด้านซ้าย ซึ่งดูดี แม้ไม่เนียนตา ก็ตาม
ขณะเดียวกันก็เอา พี่เค้าท์ โยกไปเล่นทางขวา หุบ ออเลริโอ้ มาอยู่กลาง
ดูดูแล้ว โอเค เลย เพราะเกมส์ริมเส้น ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อยถึงปานกลาง
4 นาที หลังเปลี่ยนตัว คราวนี้เป็นอัลคาราซ ที่เสียเชิงชายให้กับซัวร์เรส ใบเหลือง อีกแล้ว ครับท่าน
แต่ ป้าด !!! 7 นาทีนิดๆ หลังจากนั้น กำแพงแตก เวรแล้ว !!! ตรู
1-1 จนได้ จากลูกฟรีคิก ที่ เอ็นซ๊อคเบีย ปั่นหาประตู เป็นบอล์ลถากกบาลอัลคาราซ
และเป็น Gohouri ที่เข้าฮอร์สระยะเผาขน เรน่าหมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง ต้องยอมล่ะ!!!
เหมือนโดนลูบคม เครื่องจักรเล็กๆ เริ่มทำงานอีกครา
5 นาที หลังเสียประตู ซัวร์เรส เรียกฟาวล์ ได้อีกครั้ง เป็นมักซี่ ที่ปั่นไร้ลุ้น
นาที 72 โยวาโนวิช ถูกเรียกเข้ามาแทนที่ เดอะ เค้าท์ ที่ดูจะกรอบปานข้าวเกรียบ
5 นาทีให้หลัง ซัวร์เรสสำแดงเดช อีกครา คราวนี้หลายคนลุ้นถึงใบแดงของอัลคาราซ
แต่อย่างว่า วาสนา เล่นตลก ... ไม่มีใบแดงเกิด ขณะเดียวกัน ซัวร์เรสขันอาสาลองปั่นฟรีคิกเอง
ภาพซัวร์เรสยิงฟรีคิกให้อาแจกซ์ผุดมาในสมองทันใด... ใช่เลย
มุมซ้ายสามเหลี่ยมบนคือโฟกัส ... ระยะและทิศทาง นี่มันเกือบจุดเดียวกันเลย นี่หว่า !!!
อีกแล้วครับท่าน ... ลูกบอล์ล จูบคานสนั่นหวั่นไหว ทุกอย่างหลุดลอยไปอีกครั้ง
แม่มมมมมมม!!!! ให้มันได้อย่างนี้ซิ...
เกมส์ด้านซ้าย ยังเดินหน้าต่อ ชอทงามๆ เกิดขึ้นจาก จีเจ ที่วันนี้ดูเล่นไม่ค่อยออก
อย่างว่า การไปกับทีมชาติ สร้างปัญหาให้นักเตะเสมอ ทั้งความอ่อนล้าจากการเดินทาง และการมีส่วนร่วม
จังหวะลุ้นเริ่มจาก จีเจ แทงให้ มักซี่ ก่อนลูกบอล์ลจะมาจบที่หลุยส์ ซัวร์เรส ที่ปั่นออกไปอย่างน่าเสียดาย
ในนาที ที่ 80 กว่าๆ ... หลังจากนั้น คงไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้จะสาดเข้าใส่ และบุกกระหน่ำก็ตามที
หมด 90 นาที ด้วยความเสียดายยิ่ง

......................................................................

เป็นเรื่องธรรมดาบนโลกลูกหนัง ที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ลูกฟุตบอล์ลยังกลมอยู่
มีหลายสิ่ง หลายสาเหตุ เกิดขึ้นจนมิอาจคาดเดา
แต่ที่แน่ๆ ความอ่อนล้า อาการบาดเจ็บ และ ความไม่สมบูรณ์ กำลังเล่นงานเราอยู่เล็กๆ
4-4-2 ของ เดอะ คิง ถูกเอามาใช้อีกครา แม้ผลจะออกมาไม่งดงามอย่างที่หลายคนคาดหวัง
แต่... หาได้หมดสิ้นสิ่งดีดี ไปหมด ซะหน่อย

ซัวร์เรส กับการเปิดตัว 90 นาที
ผมมองว่า นี่แหล่ะ คนที่น่าจะคุ้มค่าทุกสตางค์แดง ...
เสียดาย ที่วันนี้อาจดูโดดเดี่ยวพอสมควร อีกทั้งยังต้องทำอะไรๆ หลายๆ อย่างด้วยตัวเอง มากไปหน่อย
แต่ทุกมิติที่แสดงศักยภาพออกมา ทั้งการสร้างสรรค์ การฉวยโอกาส การหาพื้นที่ การเปิดทางให้เพื่อน
บวกกับลูกตั้งเตะ และ การเล่นเป็นทีม ทุกอย่างดูนวลเนียน และเพลิดเพลิน
อีกทั้งยังมาพร้อมความฉลาดหลักแหลมในการเล่น ซึ่งดูได้จากการเรียกฟาวล์อย่างมีชาติตระกูล
เกือบ 10 ลูกที่เราได้ลูกตั้งเตะในระยะทำการ เพราะการเล่นของคนคนนี้
เป็นมิติที่เราร่ำหามาพอสมควร และ ลืมไปได้เลยกับคนไร้ใจ
โชคชะตา ต่างหากที่เล่นตลกและทำให้ไม่มีชื่อของซัวร์เรสบนสกอร์บอร์ด
และเมื่อไหร่ที่จิตวิญญาณแห่งลิเวอร์พัดเลี่ยนถูกปลูกฝังลงไปด้วยฝีมือ เดอะ คิง
ฟันเฟืองตัวนี้แหล่ะ จะเป็นเฟืองขับเคลื่อนชั้นดีอีกตัวหนึ่ง ทีเดียว

......................................................................

อีกคนที่ผมออกจะชื่นชมเป็นพิเศษ นั่นคือ มาร์ติน แคลลี่
ผลผลิตชั้นเยี่ยมจากแหล่งที่มาชั้นยอด ซึ่งแม้วันนี้ออกจะดูแผ่วปลายเล็กน้อย
แต่โดยรวมแล้ว นับว่าเป็นอนาคตที่จับต้องได้อย่างดียิ่ง
60-70 นาที ที่กัดไม่ปล่อย จนเอ็นซ๊อคเบีย ถึงกับใบ้ และต้องโดดหนีย้ายฝั่ง
นับเป็นผลงานที่เข้าตาไม่น้อย แม้เกมส์บุกจะดูบางเบายิ่ง
แต่การกัดจิกด้วยเกมส์รับ ช่างชดเชยสิ่งที่ขาดไปได้พอสมควร
พอเข้าใจโดยพลัน ว่า การเล่น 4-4-2 คราวนี้ ความกังวลเรื่องแนวรับเป็นเหตุหนึ่ง
กับ 5-3-1-1 นั้น แนวรับด้านข้างดูจะเป็นเรื่องรองกว่านี้หลายช่วงตัวนัก
อีกทั้งความฟิตก็ยังเป็นปัจจัยใหญ่
ถ้าขนาดต้องรอจนเกือบนาทีสุดท้าย ล่ะก็ คงต้องบอกว่า นายแน่มาก!!!
ช่วงปลายๆ ของเกมส์ มีจังหวะหลุดให้เห็นประปราย แต่ไม่ถึงกับเสียหายขนาด
อาจเพราะร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ กรอบ และ ล้าสุดตัว ก็เป็นได้...
“ทำได้ดีแล้ว ไอ้หนู !!!”

......................................................................

สู่ความจริงกันเสียที ... เหมือนวลีที่กล่าวข้างต้น
“ขอเพียงคนยังมีชีวิตอยู่ ก็สมควรยิ้มออก ขอเพียงยังสามารถยิ้มออก ก็สมควรยิ้มให้มากไว้”
ไม่มีเรื่องน่าเสียใจ แค่น่าเสียดายนิดหน่อย กับการเก็บไม่ได้ 3 แต้ม
ฟุตบอล์ล เกมส์กีฬา ก็เป็นอย่างนี้เสมอ...
และ นี่อาจจะไม่ใช่เกมส์ที่เราเล่นได้ดีด้วยซ้ำ แต่ที่เราขาดไปบ้างเล็กน้อยอย่างแท้จริง คือ โชคชะตา
แต่โชคชะตา มิใช่หรือ ที่ทำให้เรามาค้นพบ หลุยส์ ซัวร์เรส กับ มาร์ติน แคลลี่
ทำไมจะยิ้มไม่ได้ ...

หลังเกมส์ ผมออกแวะเวียนตามเวปบอร์ด บ้างประปราย
แค่ออกไปตามหาอะไรๆ เป็นกระสัย แค่จับต้องกระแส เท่านั้น
อย่างคาด เหล่ากูรูสยาม และ บรรดาเกรียนไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หลายๆ ที่เริ่มรุมทึ้ง เดอะ คิง
อีกทั้งเหล่าขุนพลที่ได้ลงไปวาดลวดลายในสังเวียนแห่งนี้
แม่มมม !!! เริ่มจาก เปลี่ยน เมเลเรส ออกทำไม ...
ฮ่วย!!! แม่มม นี่ไม่ใช่เกมส์วินนิ่ง นะเฟ้ย ที่แค่กดปุ่มออฟชั่นแล้วจะตั้งค่าให้มันฟิตสมบูรณ์ตลอดเวลา
หลังจากนั้น ก็ เอ็นก๊อก โดน โยวาโนวิช โดน....

สาดดดดดดดดดดดดดดด !!! เอ๊ย
ไม่เข้าใจ ว่า จะโวยวายหาพระแสงด้ามง้าวไปไหน
ทำตัวดุจผู้รอบรู้ในศาสตร์แห่งโลกฟุตบอล์ล เสียเต็มประดา
ด้วยจินตนาการสูงลิบ สวนทางกับรอยหยักในสมองที่แทบมองไม่เห็น บาทโซบ !!!

ขอโทษ เถอะ !!! หากไม่เข้าใจ ถึง “ความไว้ใจ” และ “ศรัทธา”
“ขอร้อง ไปไกลๆ ส้งติน กรู หน่อย .... พรีสสสสสสสส”


*ทุกตัวอักษร เป็นความคิดส่วนบุคคล หาได้บังอาจใดใดไม่ ... ด้วยจิตคารวะ

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"พระราชา" และ "โสเภณี"

ต่างคน ต่างมุมมอง ต่างวิเคราะห์ ต่างเฝ้าดู 

Put The Right Man In The Right Job !!!
คือ ประโยคที่ผมวูบวาบและหวั่นไหวทันที หลังเกมส์ ชนช่างปั้นหม้อ
5-3-2 หรือ 5-3-1-1 วิงแบ็ค (ใครจะว่า 3-3-2-1-1 หรือแผนเหวไหน ก็ว่าไป แต่ผมมองอย่างนี้ !!)
ช่างไม่คุ้นหู และ ไม่คุ้นเคยเสียจริง กับ ลิเวอร์พูล
แม้แต่ “เดอะ คิง” เอง ถ้ามีตัวเลือก ผมว่า 4-4-2 น่า จะเป็นทางเลือกแรกๆ ของตำนาน ผู้นี้
 

จากนัดแรกถึงนัดชน ฟูแล่ม น่าจะตอบได้ชัดเจน ว่า 4-4-2 คือระบบในฝัน ของ “เดอะ คิง”
แล้ว ไหงงั้น จาก 4-4-2 กลับกลายเป็น 5-3-2 หรือ 5-3-1-1 อันแสนฮือฮา
และสร้างรอยแผลขนาดใหญ่ ให้กับทีมพันล้านได้

........................................................

หากเป็นสุภาพสตรี การแต่งงานเพื่อเงิน และ เกียรติยศ ชื่อเสียง
และหันหลังให้กับชายที่รัก มันต่างอะไรกับ “โสเภณี”
(ต้องขอโทษ อย่างแร๊งค์ ถ้าใครจะเคือง ขอน้อมรับทุกกรณี !!!)

........................................................

เปรียบ “ตอร์เรส” คือหญิงสาวบอบบาง และ “เดอะ คอป” คือ ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์
“ตอร์เรส” กับ ประโยคข้างต้น ต่างกันตรงไหน ...
 

ผมไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ กับการย้าย เพราะผมพอเข้าใจ
แต่เพราะเงื่อนเวลา นี่เอง ก่อนตลาดปิด 48 ชม. ที่ทำให้ผมขุ่นมัวพอสมควร
และ นี่คือจุดเริ่มต้นของ “แผนพิฆาตหมา” บทเพลงไม้เท้าตีสุนัขที่สะท้านสะเทือนยุทธจักรลูกหนัง

........................................................

หลังยอดศูนย์หน้าประกาศหันหลังให้พลพรรค "หงส์แดง"
จริงอยู่ เราได้ยอดฝีมือมาสอง แต่หนึ่งยังเจ็บไม่หาย อีกหนึ่งยังไม่ได้ซ้อม เอางัยล่ะ ทีนี้ !!!
 

การรู้จักใช้คนถูกที่ ถูกตำแหน่ง เริ่มจากตรงนี้...
ไม่ต้องคิด ในเมื่อเหลือศูนย์หน้าตัวเป้าตัวเดียว ใส่ไปเลย 1 ที่ “เดิร์ท เค้าท์”
ที่เหลือ จะให้ขยำแบบไหน ผสมกันอย่างไร มันก็ติดปัญหาอยู่ดี
เพราะ เราไม่มี ปีก อาชีพ เอาแบบพวกไปวัดไปวาได้ ก็ สามวันดีสี่วันไข้
 

ก่อนตลาดปิด ข่าวเรื่อง ปีก จึงโจษจันมันส์ปากยิ่งนัก
ประกอบกับ ความแหล่ม และ ความลงตัวของ 2 แบคด้านข้าง ที่เติมเกมส์ได้สะเด่ายิ่ง
บทบาท วิงแบ๊ค จึงเริ่มชัดเจน และแทบไร้ที่ติเสียนี่กระไร...
 

พอประกอบกับ 3 เซนเตอร์ ยิ่งไม่ต้องพูดกัน เพราะ วิงแบ๊ค ไม่ต้องกังวลมากนักกับเกมส์รับ
กลับมาให้เร็ว แต่ถ้าไม่ทัน เซนเตอร์ยังช่วยประคอง คอยประคบประหงมได้ 


แคลลี่ และ จอห์นสัน 2 คนนี้แหล่ะ คือ กุญแจสำคัญดอกใหญ่ ใน 13 แมตซ์สุดท้ายอย่างแท้จริง
กองกลาง ไม่ต้องพูดถึง มี เจอร์ราร์ด หรือไม่มี มี ลูคัส หรือไม่มี เราผ่านมาแล้ว
หรือถ้าโชคชะตาไม่ทำร้ายเรานัก อีก 2 คนที่เป็นหลัก และไม่ควรเป็นอะไรไป ก็ คือ
“ไมราเลส” กับ “เรน่า” หนึ่งผลิตภัณฑ์จาก “รอย ฮัดจ์สัน” และ อีกหนึ่งจาก “เบนิเตซ”

........................................................

หลังรายชื่อออกราว 4 ทุ่ม วันอาทิตย์
ผมสบถในใจ “อิ๊บอ๋าย แว๊ววว” พี่ เค้าท์ ผมคือศูนย์หน้าตัวเป้า
พี่เค้าท์ ผมออกจะทื่อๆ มิได้พลิ้วไหวดังสายน้ำ ซักหน่อย
 

ถ้าทำลายเกมส์คู่ต่อสู้ กับ รังควาญ ล่ะก็ นี่แหล่ะ ใช่เลย
แต่จะให้ทะลุทะลวงผ่านเซนเตอร์ระดับอ๋องอย่าง เทอรี่ และ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ อย่าง อิวานโนวิช ผมยังมองไม่เห็นทาง
 

ในขณะพลพรรค “หอย” ส่งหมาป่าล่าตาข่ายลงพร้อมกันทั้งฝูง !!! งานชุกแน่ เซนเตอร์ ข้าพเจ้า
แต่การณ์กลับตรงกันข้าม หากเปรียบ 11 ตัวจริง + 1 พลังแห่ง ”เดอะ คอป”
นี่คือ 12 เคล็ดลับใน 36 ท่วงท่าของ เพลงไม้เท้าตีสุนัข ชัดๆ
 

เป็นการกระทำที่ตีแสกหน้าบางผู้คน ยิ่งกว่าการออกปาก ว่า “ผายลม มารดาท่าน” เสียอีก
“งาช้างไม่งอกเงยในปากสุนัข” ฉันใด หลังโดนย่ำยี ว่าเราเป็นทีมเล็ก เป็นทีมไม่มีอนาคต
ทุกอย่างได้บทสรุป และ อุดปากผู้คนเหล่านั้น ด้วย สกอร์
ท่ามกลางสายตา 41,829 คู่ ณ แสตมป์ฟอร์ด บริดจ์ ไปเรียบร้อย
 

ทว่า
หลังเกมส์ กระทุ้ง “หอย” สิ่งที่รบกวนจิตใจกลับกลายเป็นเรื่องของ อายุ และ พละกำลัง
ชายหนุ่มที่เป็นทุกอย่างของ ลิเวอร์พัดเลี่ยน อย่าง เจอร์ราร์ด ออกอาการอ่อนล้า อย่างแรง
ขอให้ผมคิดไปเอง เถอะ...

........................................................

มิอาจคาดเดาถึงแผนการเล่น จากจุดนี้ไปถึงตอนสิ้นสุดฤดูกาล
แต่เชื่อโดยพลันเล็กๆ ว่า แผนนี้น่าจะเป็นแผนหลักที่ “ลิเวอร์พูล” จะใช้จนถึงสิ้นฤดู
เพราะอย่างน้อย “คลีนชีต” คือ หนึ่งคะแนนเสมอ
หรือไม่ .. เมื่อ 4-4-2 ของ ”เดอะ คิง” เป็นรูปเป็นทรงขึ้น เราน่าจะได้เห็นโดยเร็ววัน

“เครื่องจักรสีแดง” อยู่ไม่ไกล และไม่น่าห่วง
เพราะทรงบอล์ลเราเริ่มมีจิตวิญญาณแห่งลิเวอร์พูลมากขึ้นทุกขณะ
ใครจะรู้ว่าเมื่อถึงสิ้นฤดูกาล เราอาจต้องสำนึก และ ขอบคุณ “ตอร์เรส” เป็นกรณีพิเศษ ด้วยซ้ำ
 

เพราะ “ตอร์เรส” คือ อาวุธชั้นเยี่ยมของเราที่ทำให้ “หอย” ต้องกลืนน้ำลาย
เปลี่ยนระบบ เปลี่ยนคน เปลี่ยนแผน เปลี่ยนยุทธวิธี และ หยุดรอ เรา
กว่าระบบจะเข้าที่ กว่าทรงบอล์ลจะกลับมา กว่าจะสำนึก ตอนนั้นเราอาจแซงไปแล้ว

จากโซนตกชั้นยังมารดต้นคอได้ กับ อีแค่หกแต้ม ... อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ด้วยมือ “เดอะ คิง”


ตัวหนังสือเหล่านี้ ... เป็นมุมมองส่วนตัวล้วนๆ ตั้งใจจะละเลงตั้งแต่สิ้นเสียงนกหวีด 

แต่พอดีต้องไปทำธุระที่เมืองกรุง ... เลยยกยอดมา ณ วันนี้ 
หากทำให้ผู้ใดต้องขุ่นข้องหมองใจ ขออภัยมา ณ ที่นี้ .... ด้วยจิตคารวะ

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ผิดไหม..ที่ผมจะฮาร์ดคอร์

สิ้นสุดตลาดซื้อขาย

........................................

หลังจากฟูมฟายปานประหนึ่ง
โดนถอนขนจากรอบรูทวารโดนกระเทยควายร่างยักษ์
พลพรรค “เดอะ คอป” แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาหลายคนยังออกอาการวิตกจริต
หลังจากรายชื่อผู้เล่นนัดชนข่างปั้นหม้อหล่นมาถึงมือ
บ้างต่อว่าต่อขาน “เดอะ คิง” กับการเลือกนักเตะที่คิดว่าไม่ใช่
บ้างคาดเดาและอคติกับรูปทรง และ แผนการเล่น ประหนึ่งตัวเองคือ “ปรมาจารย์แชงค์ลี่ย์” กลับชาติมาจุติ
ป้าด...!!! เจริญพร.. เถอะ พ่อคุณรุนช่องทั้งหลาย

........................................

แล้วงัย...!!!
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวที่ “แอนฟิลด์” กับ 2 ประตู และ สามแต้มอันล้ำค่า
กลับไม่มีแม้เศษเสี้ยวแห่งความรู้สึกของการสำนึก
โดยกลับกันหากเจอ”ช่างปั้นหม้อ”แล้วเสมอหรือแพ้ เหล่ากูรูทั้งหลายคงพองขน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์คงอึงมี่
“บอกแล้วงัย เอาตัวนั้นเล่นทำไม เล่นไม่เห็นจะเอาอ่าว แมวไม่เห่า”
“เห็นไม๊ .. ไม่เชื่อ แผนนี้มันเวิร์คที่ไหน จัดตัวอย่างนี้ เสียอารมณ์ วุ๊ยส์”
โอ๊ย...สารพัด ราวกับตัวเองเป็นสุดยอดผู้จัดการ ณ พ.ศ. นี้
และร้ายที่สุด อาจมีถึงออกว่าด่าและขับไล่ “เดอะ คิง” เป็นรายวัน

........................................

จิตวิญญาณ ของ “ลิเวอร์พัดเลี่ยน” ทั้งผอง กำลังคลอนแคลน
เพราะหลายคนเริ่มลืมวิถีแห่งมัน (หรือเปล่า ?)

........................................

มีเรื่องเล่าขานถึงการเป็น”ทีมต้องคำสาป”
กี่โศกนาฏกรรม กี่จุดหักเห ที่ฉุดรั้งดึงลากกระชากถู
จากสูงสุดสอยยันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ก็มีให้เห็นเป็นประจำ
แต่...
ก็ไม่ใช่เพราะทีมเดียวกันนี่หรือ ?
ที่สร้างเทพนิยายและมหากาพย์เป็นว่าเล่น
ตบปาก กูรู ให้เจ็บปวดราวเกิดสิวหัวช้างข้างริดสีดวงทวารก็มิปาน
ทั้งเทพนิยาย 3 ถ้วย ปี 2000/2001 หรือแม้แต่มหากาพย์อย่าง อิสตันบูล

........................................

เกือบ 30 ปี ที่เฝ้าเชียร์ เฝ้าตาม และเคียงข้าง
ผมมีแค่ “ศรัทธา” และ “ไว้ใจ” ให้กับทีมที่ผมรัก
ศาสตร์แห่งโลกลูกหนังอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะที่ควร
“จิตวิญญาณที่แท้จริงของ”ลิเวอร์พูล”จะกลับมา”

ผมยัง “ศรัทธา” และ “ไว้ใจ” ใน “ลิเวอร์พูล” เช่นเดิม