วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

Junior on Drama !!!

หักมุมสุดๆ กับค่ำคืนแห่งความประทับใจ ที่เกิดขึ้น ณ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม
สังเวียนที่ หงส์แดง ไม่เคยบินสูง ซักครา ตั้งแต่สนามแห่งนี้ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาบนพื้นพิภพ

กับการพบกัน 5 ครั้งหลังสุด ตัวต่อตัว เราเองยังแพ้มาถึง 3 และเป็นผลเสมออีก 2
จะเรียกว่า เราออกจะแพ้ทาง ก็คงไม่เกินไปนัก เพราะ 10 ครั้งหลังที่เราเจอ เราชนะ ปืนโต ได้เพียงครั้งเดียว

หลังยืนไว้อาลัยให้กับ Danny Frizman บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพลพรรคปืนใหญ่ และเหตุการณ์ Hillsborough
เสียงนกหวีด ส่งสัญญาณเริ่มเกมส์ ถึงคราวทำงานอีกครา

.....................................................

จะว่าไป นี่คือ อีกหนึ่งใน สามแมทซ์ ที่ผมค่อนข้างเฝ้ามองด้วยใจระทึก

นัดเปิดบ้านยำ เรือใบสีฟ้า นั่นคือ แมทซ์แรก ...ส่วนการฟัดกับ ปืนใหญ่ ครั้งนี้ คือ แมทซ์ที่สอง
และอีกแมทซ์ คือ การรับมือกับ สเปอร์ ที่บ้าน กลางเดือนหน้า

ไม่ใช่กับเกมส์อื่นๆ จะดูไร้ความหมายหรือไม่น่าหลงใหล แต่ประการใด
หากแต่ 3 ทีม 3 แมตซ์นี้ คือการบ่งบอกบุคลิกของทีมประการหนึ่ง

เพราะหากได้รับผลงานที่ดีต่อเนื่อง นั่นหมายถึงการแสดงออกด้วยสกอร์และรูปเกมส์ ว่า
ไม่ว่าหน้าไหน ทีมคุณจะได้อันดับที่เท่าไหร่ในปีนี้ เมิงหมดสิทธิ์มองข้ามเราโดยเด็ดขาด

และงานนี้ โดยส่วนตัวก่อนเกมส์เริ่มต้น ผมนึกว่าจะได้ยลเกมส์แอคชั่นที่เร้าใจ
แต่ไหงกลับกลายเป็น ดราม่าซีรี่ย์ ที่มิอาจกระพริบตา ยัน 103 นาที

.....................................................

45 นาทีแรก กับ รูปแบบการเล่น โอกาส และ จินตนาการ
โทษที !! ผมมองไม่ออกซักนิด ว่า เราจะเดินออกจากสนามในสภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร

รูปเกมส์ ปืนใหญ่ ในครึ่งแรก แม่มมม !!! ลื่นไหลเป็นสายน้ำ แถมกระหน่ำซ้ำซัดดังห่าฝน
ผมได้แต่หวังใจว่าให้จบครึ่งแรกอย่างไว และให้ ไอ้ปืนโต กระทำในสิ่งที่คุ้นเคย

เพราะหากใครได้ดู ปืนโต ในช่วงหลังๆ บ้าง จะเห็นว่าหลายๆ นัด ปืนใหญ่ มักออกอาการ
หลังไล่ยำคู่ต่อสู้ แต่ไม่สามารถชำเราได้ ทรงเกมส์มักจะเปลี่ยน ขณะที่ผู้เล่นดูตื้อตันและหมดจินตนาการ

ไม่เท่านั้น ... เหมือนฟ้าจะมอบบททดสอบชิ้นใหญ่ให้กับพวกเรา อีกครั้ง

นาที ที่ 21 พอ ออเรลิโอ เดินกระเผลก ผมแทบไม่ต้องสืบ เพราะรู้กันโดยปกติ ว่า เจ็บอีกแล้ว ชัวร์ ..
ให้ตายซิ ... เหลือเด็ก 17 ขวบด้านซ้ายอย่าง แจ็ค โรบินสัน เนี่ยนะ ..จะรอดไหม หว่า !!!

ในเกมส์ใหญ่นอกบ้าน ที่มีกองเชียร์คู่แข่ง กว่า 50,000 คน ขณะสาวกของทีมตามมาไม่ถึง 4,000
เด็ก 17 ขวบ จะรับมือเยี่ยงไร เพราะส่วนตัวเอง หากเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ก็คงปอดกระเส่าไม่น้อย

จริงอยู่ ... เด็กคนนี้เคยลิ้มรสมาบ้างแล้วกับพรีเมียร์ชิพ สมัย ราฟา แต่คราวนี้มันต่างกันหน่า ว๊อยส์...!!!
คราวนั้นลงสู่เกมส์ราว 10 นาที แต่นี่ มัน 70 นาที เล่นเอาเกือบเต็มเกมส์เลย

แถมด้านนี้ ต้องคอยประกบตัวจี๊ดอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ จรวดทางเรียบ ที่ลือชา ซะงั้น งานนี้ต้องวัดหัวใจ

ยิ่งสัมผัสแรกๆ คนดูหลายคนอาจรู้สึกคล้ายๆ กับผม ว่า อิ๊บอ๋ายส์ แน่ .. หลงเหลี่ยม วัลคอตต์ จังๆ
แต่หลังจากปรับตัวได้ เออ.. ดูดีมีชาติตระกูลเหมือนกันนี่หว่า .. ไอ้หนู !!!

.....................................................

หลังเริ่มต้นใหม่ ใน 45 นาทีที่เหลือ...ไม่แปลกใจกับทรงบอล์ลของ ปืนโต ที่ดูเปลี่ยนไปอีกครา
เป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ที่ ปืนโต มักทำแต้มหล่นหายในระยะหลังๆ จนสาวกพันธ์แท้หลายคนเริ่มออกอาการชิน

มีหลายครั้งหลายจังหวะในครึ่งหลัง ที่เราตอบโต้ได้ดี และมีโอกาสจบสกอร์ไม่น้อย
แต่ดูเหมือนว่าทั้งโชคชะตาและจังหวะของผู้เล่นยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ... เลยพาลดูติดๆ ขัดๆ ชอบกล

นาที 58 กลับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เหล่า เดอะ คอป ทั่วโลกต่างวิตก

เมื่อ ฟลานาแกน อยู่ผิดที่ผิดเวลา และพยายามเข้าสกัดบอล์ลโด่งของพลพรรค ปืนใหญ่
ขณะที่ คาร์ร่า ที่เฝ้าระแวดระวังอยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ก็หวังเคลียร์กรณีนี้เช่นกัน

ผลคือ ศีรษะ ฟลานาแกน กระทบปลายคาง คาร์ร่า เข้าอย่างจัง ในจังหวะขึ้นโหม่ง
จนงานนี้ บุรุษเหล็กอย่าง คาร์ร่า ที่ทุ่มเทให้ทีมมากว่า 660 นัด ถึงหลับกลางอากาศ... แน่นิ่งจนน่ากลัว

เกมส์หยุดทันใด !!! กว่า 5 นาทีก่อนการย้าย คาร์ร่า ออกจากสนามเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย
ถ้าจะแพ้ก็ช่างมัน ...ขออย่างเดียว ให้ คาร์ร่า ปลอดภัย .. ผมนึกได้เท่านั้นจริงๆ


หลังเริ่มใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยน เฮียโส ลงแทน เพียง 9 นาที เราต้องเสียศูนย์หน้า ค่าตัว 35 ล้านปอนด์อีกคน
ฮ้ย !!! จะตลกอะไรกันนักกันหนา ... เปลี่ยน 3 ตัว เพราะ กรณีบาดเจ็บทั้งนั้น กะไม่ให้แก้เกมส์กันหรืออย่างไร !!!

เอ้า .. เอาให้หนำใจ จะเกิดอะไรก็ช่าง แม่มมม ช่างดูเหมือนวันเจอ เวสต์ บรอมวิซฯ มาก ผมพาลคิดไปนู่น !!!

แต่ไคลแมกซ์ของจริงกลับเริ่มต้นเมื่อนาที ที่ 90+7 เมื่อ เจ้าปั้ก สเปียร์ริ่ง พลาดท่า เสียจุดโทษ
ร้อยทั้งร้อย ต่างคิดว่าเกมส์จบทันที ที่ ฟาน เพอร์ซี่ กระทุ้งลูกบอล์ลเข้าสู่ก้นตาข่าย

งานนี้ เปเป้ หมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง ทั้งๆ ที่ วันนี้ช่วยชีวิตทีมไว้หลายต่อหลายครา
แม้ตัวผมเอง ยังคิดอยู่ในใจเลย ว่า จบลงแล้ว ...ให้ตายซิ !!!

พาลคิดต่อทันใดว่า ถึงแพ้ด้วยรูปเกมส์อย่างนี้ กับความพยายามแบบนี้ ถึงแพ้ผมก็ภูมิใจ ว่ะ
และ ดราม่าซีรี่ย์ ก็เริ่มเปิดตัวฉากจบ ในแบบที่ทุกคนมิอาจคาดเดา..!!

การได้ ฟรีคิก ระยะเส้นกรอบโทษ เหมือนเป็นรางวัลปลอบใจระดับหนึ่ง เพื่อให้เกิดความหวัง
แต่การได้จุดโทษจากลูกต่อเนื่องจากนั้น ... แม่มมม ไม่รู้จะสรรถ้อยคำไหน มาอธิบาย

โครตกระชากอารมณ์สุดตรีน เหลือเกิน ...!!!

.....................................................

จากแพ้ 1-0 เป็นเสมอ 1-1 นับว่าสมควรด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นผลพวงที่น่าจะคุ้มค่ามหาศาล
เรื่องแรก คือ ผลพวงของการลดบาปในใจ ที่อาจเกิดขึ้นกับนักเตะจูเนียร์ อย่าง สเปียร์ริ่ง และ ฟลานาแกน

เพราะหากมีผลแพ้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า เด็กๆ จะรู้สึกเยี่ยงไร

เพราะหากหัวจิตหัวใจไม่แข็งพอ อาจเป็นการทำร้ายเด็กๆ อย่างยากเยียวยา
การพบกับประสบการณ์ร้ายๆ อาจบั่นทอนหลายๆ อย่าง ในมุมที่เรามิอาจคาดเดา

ส่วน เรื่องที่สอง ที่พอจะมองเห็น คือ การแสดงออกถึงหัวจิตหัวใจนักสู้ ที่เราค่อนข้างห่างหายไปนาน
เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เราได้ประตูในนาทีสุดท้าย เนี่ย !!! มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ในขณะเดียวกันก็พาลจำไม่ได้ ว่า เราเอาคืนเร็วที่สุดนั้น ใช้เวลากี่นาที เพราะงานนี้เราใช้แค่ 2 นาที
แม่มมม !!! ช่างเป็น 2 นาทีที่ โคตรดราม่า ยิ่งนัก อีกทั้งเป็น 2 นาทีที่แทบฝัง ปืนใหญ่ ทั้งเป็น

งานนี้ เล่นเอา เจ๊แหวง ที่หมายมั่นปั้นมือกับการชำเราพวกเรา เพื่อไล่ตาม สัมภเวสี ถึงออกอาการ
สภาพจิตใจ เจ๊ น่าจะประหนึ่งโดนข่มขืนทางทวารโดยนิโกรร่างยักษ์ 7 คน

หากใครได้เห็นภาพตอน เจ๊ แกนั่งลุ้น เดอะ เคาท์ ซัดจุดโทษ..คงเข้าใจถึงความรู้สึก เจ๊ เป็นอย่างดี
เพราะดูหมดสภาพนักศึกษา / สิ้นหวัง / ไม่เชื่อสายตา ... พาลถึง อยากตายยยยยยยยย !!! เอาดื้อๆ นะนั่น

.....................................................

คงจะว่ากันอย่างรวบรัดหน่อย กับรูปเกมส์และเหล่าจูเนียร์ ตระกูล เจ ทั้งหลาย

หลายๆ คนออกอาการดี๊ด๊า ชื่นชม และ สรรเสริญเยินยอ กันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะ เจย์ สปียร์ริ่ง ที่นัดนี้ ผมยกให้เป็น Man of The Match คู่กับ เปเป้ เรน่า

เรื่อง เจ้าปั้ก เนี่ย ออกจะไร้คำบรรยาย เพราะความขยัน อาการใจสู้ เนี่ย แทบถอดพิมพ์จาก เจอร์ราร์ด
แถมไม่มีหมดเหมือน เดอะ เคาท์ ... เด็กลิเวอร์พัดเลี่ยน เนี่ย มันวิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อยแทบทั้งนั้น หรือ !!!

แม้จะทำให้ทีมเสียจุดโทษ แต่คงไม่เกินเลยซักนิดที่จะตบรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมส์
งานนี้ ถึงแพ้ ผมก็ไม่มีอะไรจะตำหนิ... กับ ภาพรวม และ พลัง

คนบร้าไร วะ วิ่งแม่มมทั่วไปหมด พล่านตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย รุ่นนี้มันใช้ถ่าน หรือ ไขลาน !!!

เอาเป็นว่า เด็กคนนี้ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว กับความสามารถอันเอกอุที่ได้แสดงออก
นับว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่น่าจับตามอง และหวังว่าจะก้าวผ่านขั้นต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

หากพัฒนาการยังไม่หยุดยั้ง เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นยอดมิดฟิลด์ที่น่าตะลึงคนหนึ่งในโลกลูกหนัง เชื่อไหม !!!

หันกลับมาแล ฟูลแบ็ค สองข้างกันบ้างดีกว่า... จอห์น ฟลานาแกน กับ แจ็ค โรบินสัน
ในมุมของผม .. ณ วันนี้ เด็กหนุ่มทั้งคู่ คือ อนาคตชั้นดี ... แต่ อนาคต นะ ครับ หาใช่ปัจจุบัน !!

เพราะหลายๆ จังหวะของเกมส์นี้ จะเห็นได้ว่า พวกเค้ายังแกร่งไม่พอ
รูปเกมส์ตรงกลางเกิดช่องว่างมากมาย จนเราเริ่มเกมส์อย่างที่เราควรทำไม่ได้ ..

เพราะกองกลางทั้งแผงต้องคอยลงมาช่วยประคับประคองฟูลแบ็คทั้งคู่ จนเกิดอาการต่อไม่ติด
ยิ่งเจอตัวจี๊ด ตัวจัด ของพลพรรค ปืนโต ยิ่งทำให้เห็นรอยโหว่ และ ข้อผิดพลาด พอควร

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น นี่คือเกมส์แรกๆ ของพวกเค้า แถมยังเป็นเกมส์ใหญ่ที่กดดันมหาศาล
ซึ่งหวังว่าก่อนฤดูกาลจะจบ พวกเค้าจะเติบโตและแกร่งขึ้น สมกับที่เหล่า เดอะ คอป ตั้งตาคอย

รวมทั้งอีกหนึ่ง ตระกูล เจ อย่าง เชลวี่ .. เด็กหนุ่มที่ได้รับการอวยอย่างยิ่งในแวดวงสื่อเมืองผู้ดีด้วย
ที่คงต้องเร่งผลิตฟอร์ม เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองพอสมควร

เพราะหากอยากสอดแทรกขึ้นสู่ชุดใหญ่ของทีม คงต้องดีกว่านี้ และ ต้องมีมากกว่าที่เห็น

และหาใช่เป็นเรื่องยากเกินไปไม่ .. เพราะ ด้วยมือ เดอะ คิง ...เรื่องราวยากเย็น ล้วนง่ายดาย !!!

.....................................................

สิ่งที่หลงเหลือจาก แมตซ์แห่งดราม่า นี้ คงไม่มีอะไรมากมาย นอกจากความทรงจำดีดี อีกครั้ง
การได้เห็นเด็กๆ ลงเล่น ด้วยทัศนคติงดงาม การเห็นทีมกระหาย และ ไม่ย่อท้อ

การได้ซึมซับการจบลงของเกมส์ในมุมหักศอกแบบเหลือเชื่อ ถือเป็นของขวัญอีกชิ้น
ที่สร้างความสุขใจให้กับ เดอะ คอป ทั่วมุมโลก เป็นอีกอารมณ์ความสุขที่ยิ่งกว่าชัยชนะ

การได้เห็นเค้าลางแห่งความสำเร็จ และ รอยทางที่ควรค่า กลับสร้างความหวังเล็กๆ ให้บังเกิด
งานนี้ ผมเทสุดลิ่มทิ่มประตู ว่า ใครบังอาจตัด หงส์แดง จากสารบบ ท๊อปโฟร์ เมิงได้เห็นดีกันแน่ !!!

ช้าสุดก็ฤดูกาลหน้า เครื่องจักรสีแดง น่าจะออกตัวล้อฟรี !!! ถึงวันนั้นอย่ามาหาว่า ไม่เตือน ก็แล้วกัน …!!!

.....................................................



* อย่าแปลกใจ !!! ที่ข้อเขียนชิ้นนี้ไม่มีเหลี่ยมไหน ออกอาการอัดเกรียน
อาจพาลดูสุภาพไปด้วยซ้ำ กับถ้อยคำสำนวนที่ใช้ .. แต่ หาใช่เพราะกินยาลืมเขย่าขวด
ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ กับผู้หวังจะเข้ามาพบเจอ สิ่งที่ขาดหายไป...
เชื่อเหอะ !!! ยังเหมือนเดิม ไอ้เรื่องปากเนี่ยยยย มันไม่หายกันง่ายๆ หรอก น่า ... สัญญา

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ (มีดบินงมงายรัก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น