วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ไอ้เด็กเวร กับ ลางสังหรณ์

ว่ากันแบบไม่อายฟ้าดิน... สาบานเลยเอ้า !!! ว่าก่อนนกหวีดเสียงหวานจะดังขึ้น
ผมคาดการณ์เงียบๆ ในใจว่า วันนี้ท่าทางเราจะไม่รอดจากการโดนชำเราโดย เรือใบสีฟ้า

คือถ้าเทียบที่ผล วันนี้... ผมให้เสมอคือกำไร และแพ้หนึ่งเม็ดคือเสมอตัว

ทั้งนี้ทั้งนั้น หาได้ดูแคลนทีมเลยสักนิด แต่มองโดยภาพแห่งพื้นฐานขององค์ประกอบหลายอย่าง
ยิ่งพอรายชื่อหล่น เหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่า เสร็จแน่คราวนี้พวกเรา...

ซึ่งผมว่าหลายๆ คนคงหวั่นใจเหมือนกัน แต่ไม่มีใครออกมาแย็บ เพราะกลัวเสียอรรถรส (ฮา)

.....................................................

ให้ตายซิ...!!! เดอะ คิง ทำอะไรเนี่ย ...

จากรายชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรอง รวม 17 คน เดอะ คิง ยัดเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในสายตาชาวบ้าน มา 5
งานนี้ถ้าเกิดแพ้ยับ มีหวัง เกรียนสยาม และเหล่ากูรูทั้งหลายเถลิงปากกันบอร์ดแฉะ

เพราะแค่ที่เป็นอยู่ แม่มมม!!! ก็ด่าได้ทุกกรณีอยู่แล้ว พวกเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่นักเตะและผู้จัดการ
แถมเอาเด็ก 18 ขวบหมาดๆ ลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวาเสียด้วย เอาล่ะวะ... งานนี้ไม่เฮ ก็หุบ

เล่นเอาเด็กที่ผู้คนยังประเมินราคาไม่ได้ 2 คน มาชนกับทีม 1000 ล้าน ซะงั้น เดี๋ยวได้รู้กัน...!!!

ขณะที่หันไปมองฝั่งตรงข้าม เรือใบงานนี้ท่าจะจัดหนัก
เพราะครบองค์ประชุม ตั้งแต่ศูนย์หน้าระดับอ๋อง อย่าง Carlos Tevez และ Edin Dzeko

ขณะที่กองกลางตัวทำเกมส์ ยัดมาเต็ม ทั้ง Gareth Barry, Toure Yaya, James Milner พ่วงด้วย Adam Johnson

รวมถึงแผงหลังที่ร่ำลือกันว่าสุดหินชุดใหญ่ชุดหนึ่งทีเดียว
ไล่ชื่อมาตั้งแต่ Dedryk Boyata, Vincent Kompany, Joleon Lescott และ Aleksandar Kolarov

บวกกับนายด่านสุดท้ายดีกรีทีมชาติอังกฤษที่ว่าดีนักดีหนา อย่าง Joe Hart ...งานนี้ไม่หมูจริง

ไอ้ที่กล่าวมาว่ามันโหดแล้ว เหลียวไปดูรายชื่อตัวสำรอง ... โอ๊ยยยยย อย่าให้เซย์แต่ละตัว แม่มมม !!! จี๊ดได้ใจ
ก็พ่อเล่นขนยัดมาทั้งแผง เรียกว่าแต่ละตัวตามชื่อเสียง เนี่ย มันเปลี่ยนเกมส์ได้ทุกตัว

ดูรายชื่อซิ ... ถ้าไม่นับ Stuart Taylor ที่เป็นผู้รักษาประตู
ที่เหลือก็มี Pablo Zabaleta, Shaun Wright-Phillips, David Silva, Nigel De Jong, Mario Balotelli และ Ryan McGivern

ดูแล้วงานนี้ ยังไงๆ ก็ งานชุก บวกกับผลงานล่าสุดที่ เรือใบ เพิ่งอัด แมวดำ มา 5-0
ขณะที่ หงส์แดง เพิ่งพ่ายให้ทีม ปู่รอย มา 2-1 กับอาการบาดเจ็บของตัวหลักเป็นพรวน จะเหลืออะไร ???

.....................................................

อย่านะ !!! อย่ามาใส่ร้ายกันโดยเด็ดขาด ว่าผมแอบนอกใจ หรือไร้ซึ่งความเชื่อมั่น
แค่มองตามเกมส์และเฝ้าระวังเรื่องหัวใจตัวเองเอาไว้บ้าง เท่านั้น

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที ที่เสียงนกหวีดเริ่มเกมส์กังวาน เมื่อนั้นทุกอย่างยังคงทุ่มให้ทีมรักเช่นเดิม

ลองกลับมาดูผู้เล่นฝั่งเราบ้าง... หลายๆ คน คือ ผู้เล่นที่เราคุ้นเคย
แม้ เดอะ คิง จะจัดให้ สเปียร์ริ่ง ลงบัญชาเกมส์อีกครั้ง คู่กับ ลูคัส ซึ่งออกจะขัดใจเกรียนเมืองไทย ยิ่งนัก

เพราะนัดที่แล้วนี่เอง กูรู และ เกรียนสยาม เพิ่งหลุดปากด่าทั้งคู่นี้มาหยกๆ
ทั้งการดาหน้าออกมาว่า สาดมาถึง เดอะ คิง ที่ไว้ใจเด็กจนเกินงาม ปล่อยให้คู่นี้เล่นด้วยกัน

รวมถึงหลุดปากด่านักเตะชุดนี้ว่าเข้าขั้นห่วย และเป็นทีมดาดๆ... (แสรดดดดดดด เอ๊ย !!!)

แค่คู่กลางยังไม่พอ ... ดูเหมือน เดอะ คิง จะไม่รู้สึกทุกข์ร้อน กับความจังไรของ เกรียนสยาม

เดอะ คิง กลับพกพาความมั่นใจ ขนาดปล่อยเด็กอายุเพียง 18 อย่าง ฟลานาแกน ลงสู้ศึก
พร้อมรับตำแหน่งขุนศึกตัวจริงของแนวรับด้านขวา ที่หลายคนลองแล้วเกิดอาการเดี้ยงตามกัน

ถ้าถามตั้งแต่ต้นเกมส์กับบรรดาสาวก เรือใบสีฟ้า ทั้งหลาย
หากบอกว่า ทีมชุดนี้จะชนะ เรือใบ ถึง 3-0 มีหวัง สาวกเรืออาจหาว่าเรา บ้า หรือ ไร้สติสิ้นดี !!!

.....................................................

ปีนี้ .. ยังยืนยันกับขนาดทีมของเราที่ดูมีขนาดเล็กไปหน่อย

ขณะเดียวกันเหล่าตัวสำรองหลายคนกับแสดงศักยภาพไม่ได้ดีอย่างที่ควร ช่องว่างมันมีมากไป
ทำให้เราโรเตชั่นเพื่อพักนักเตะสำคัญๆ ในบางนัดเหมือนทีมหัวแถวหลายๆ ทีม ทั้งหลายไม่ได้

การได้พัก 1 สัปดาห์เต็มๆ ผมว่าเป็นประโยชน์ที่เราเห็นได้ค่อนข้างมาก
เพราะทั้งตัวผู้เล่น ทั้งแผน เนี่ย แทบก๊อปมาจากนัดที่แล้วโดยสิ้นเชิง แตกต่างกันนิดหน่อย เท่านั้น

แต่อาการวิ่งสู้ฟัดแบบไม่มีหมดตลอด 90 นาที กลับแสดงศักยภาพอย่างน่าชื่นชม
ทุกคน ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รวมถึงเด็กแรกเกิดอย่าง ฟลานาแกน และ สเปียร์ริ่ง ดูราวอดอยากและกระหาย

เล่นเอาทีมพันล้าน ถึงกับสะอึก และออกอาการไปไม่เป็น เหมือนเด็กหัดเล่นบอล์ล

การวางแทคติคให้ลูกทีมเพรสซิ่งสูง บวกกับการเข้าซ้อนอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญ
การสร้างความเข้าใจให้ลูกทีม กับ แนววิ่ง การเคลื่อนไหว ที่ เดอะ คิง สั่งสมให้เหล่านักเตะ ดูนวลเนียนยิ่ง

อัตราการครองบอล์ลของเราตลอด 90 นาที อยู่ที่ 53 ต่อ 47 ช่างเป็นตัวเลขที่น่าชื่นใจ

โอกาสสร้างสรรค์ประตู ที่มีถึง 21 ครั้ง กับทีมที่มีโคตรกองหลังขนาดนี้ จะประเมินเช่นไร ???
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาส 15 ครั้ง เข้ากรอบ 3 และเราเข้ากรอบ 6 ... โอ้ว !!! จะให้นึกแบบไหนดีล่ะเนี่ย...

.....................................................

การปลดปล่อย 2 ประตู เพื่อคลายความกดดันของกองหน้าค่าตัวมหาศาลของ คาร์โรลล์ นับว่าถูกเวลา

ส่วนตัว ... เฝ้ากังวลเล็กๆ กับการบาดเจ็บของเหล่านักเตะสำคัญ ซึ่งรวมทั้ง กัปตันจี
ดูโหดร้าย หากมรสุมแห่งการบาดเจ็บจะลดจำนวนการสร้างสรรค์ประตูไปตามกัน

แต่หลังเกมส์นี้ กลับกลายเป็นเรื่องไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะอยู่หรือไม่อยู่
เพราะนักเตะทุกตัวตน ได้แสดงธาตุแท้แห่ง ลิเวอร์พูล ให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครา

แม้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ และไม่สมบูรณ์พร้อม แต่เชื่อเหลือเกิน ว่าจะไม่นานเกินรอ
เครื่องจักรสีแดง เริ่มแสดงตัวตน และน่าจะส่งเสียงคำรามในโอกาสอันใกล้

เพราะแค่เอาหัวใจใส่ลงในตัวผู้เล่นระดับไร้มูลค่าในสายตาคนอื่น ยังเล่นเอาเรือใบตูดแหก ... !!!

เมิงเอ๊ย...!!! ถ้าองค์ประกอบครบ
มีหวังงานนี้แสงสว่างปลายอุโมงค์ของบางคนอาจริบหรี่และมอดมิดตลอดกาล

จะว่าไป 2 ตุงของ คาร์โรล์ล ในมุมมองของผมดูเหมือนมีนัยยะ

ตุงแรก เหมือนเอาตรีนนนนยัดปาก เกรียนสยาม และ กูรู ตอบข้อสงสัยในการตั้งแง่
และเฝ้าวนเวียนถามถึงความคุ้มค่า ประหนึ่งพวกมันควักกระเป๋าจ่ายเงิน

ส่วน ตุงที่สอง เหมือนตอกย้ำให้หลายคนสำนึก ตั้งแต่พวก โสเภณีราคา 50 ล้าน ยัน เอฟเอ

ว่าพื้นที่ตรงไหน คือที่ที่คู่ควรของเจ้ายักษ์ ระหว่าง ทีมเยาวชน หรือ ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
ในขณะที่ตอบโจทย์เรื่องแสงสว่างเรืองรองของยอดทีมแห่งนี้ได้อย่างเต็มอารมณ์

.....................................................

ว่าจะพูดถึง สเปียร์ริ่ง เด็กหนุ่มร่างเล็กที่พล่านทั่วพื้นที่ แถมดู ดีวันดีคืน

แต่งานนี้คงต้องหลบ และให้โอกาสเด็กที่ใครๆ ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเท่าไหร่ อย่าง ฟลานาแกน
เด็กหนุ่ม วัย 18 ปี ที่ถือกำเนิดเกิดเป็นสเกาเซอร์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1993

และนี่คือโอกาสครั้งแรกกับการลงสนามอย่างเป็นทางการให้กับชุดใหญ่ ของ ลิเวอร์พูล

โดยส่วนตัวแอบยิ้มเล็กๆ กับอาการไม่พรั่นพรึงและลนลาน
ในขณะที่โดยมุมมองของการเป็นตัวรับด้านข้าง กลับยังไม่โดดเด่นขนาดถึงต้องออกมาพรรณนา

เพราะจากรูปเกมส์ และการช่วยเหลือมากมาย เลยดูว่างานนี้ยังไม่ใช่บทพิสูจน์ตัวตนที่ดีพอ
หากใครได้ดู จะเห็นได้ว่า ฝั่งขวาของเรา ได้รับการซัพพอร์ทมากมาย

ทั้งจาก เดอะ เคาท์ ที่ไล่จากหน้ายันสุดสนามด้านหลัง สมฉายาผู้ไม่มีหมด
ขณะเดียวกัน ยังมี คาร์ร่า คอยชนก่อน หรือ ซ้อนหลัง อยู่เกือบตลอดเวลา

เลยทำให้งานของเด็กน้อยคนนี้ ดูบางเบา และ ไร้ความกังวล
ขณะเดียวกัน ทาง เรือใบสีฟ้า เอง ก็ไม่ได้ฉกฉวยโอกาสจากความอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มคนนี้เท่าไหร่

เลยทำให้การเปิดตัวงานนี้ ออกมาดูดี มีชาติตระกูล อยู่ในระดับที่ได้รับการยอมรับ

ภาพติดตาของฟอร์ม กลับไม่ได้เป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมซักเท่าไหร่
แต่หากเป็น ทัศนคติ ในการเล่นของเด็กหนุ่ม ที่กระชากหัวใจของผมไปจนหมด

เพราะทุกครั้งที่ลูกบอล์ลถึงเท้า แทนที่จะตอบโต้ด้วยการสาดยาวให้พ้นๆ ตัว
เด็กหนุ่มกับเลือกที่จะเล่นบอล์ลบนพื้นด้วยความเข้าใจง่าย เหมือนเล่นบอล์ลในสวนหลังบ้านตนเอง

แถมชอทเด็ด ในนาที ที่ 72 กว่าๆ ที่บังอาจกล้าล็อคหลบ ก่อนส่งบอล์ลต่ออย่างเหนือชั้น
เฮ้ย !!!! ไอ้ที่ล็อคหลบเค้าน่ะ .. มัน DZEKO เจ้าของค่าตัว 27 ล้านปอนด์ เชียวนะ เมิงงงงงง !!!! ไอ้เด็กเวร...

.....................................................

สุดท้าย คงต้องขอคารวะหัวจิตหัวใจเหล่านักสู้ผู้กล้า บรรดาเหล่านักเตะยอดขุนพลทั้งหลาย
รวมไปถึงเหล่าสตาฟฟ์ และ ผู้เกี่ยวข้องกับยอดทีมแห่งนี้ โดยเฉพาะ เดอะ คิง

ที่สร้างความปลื้มปิติ มอบรอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ ให้กับเหล่าลิเวอร์พัดเลี่ยน ทั้งผอง
และที่สำคัญ สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด คือ การมอบ ความหวัง ให้บังเกิดในใจสาวกพันธุ์แท้ทุกตัวตน

อีก 6 นัด ชี้ชะตา คอยดูกัน ว่าที่สุดเราจะอยู่ตรงไหน !!!

แต่มันต้องเป็นที่ที่เราสมควรอยู่อย่างยิ่ง ผมชักสังหรณ์ใจ พิกล !!!

.....................................................

*ข้อเขียนชิ้นนี้ เป็นเรื่องราวและความรู้สึกของผู้เขียนเท่านั้น ... ใครเห็นด้วย หรือไม่ ไม่ว่ากัน
ส่วนไอ้พวกเกรียนแตก นั่นก็เรื่องของพวกเมิง ... เหมือนเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น