วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เมื่อ ลี้น้อย กลับมา !!


แด่..ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่เต็มไปด้วยสังคมซังกระบ๊วยและผู้คนตอแหล

สุดท้ายการอยู่กับตัวตน บนฐานความคิดเดิมๆ ในซอกมุมเล็กๆ น่าจะเป็นที่ๆ เหมาะที่สุดของผม
การอยู่กับหมู่เหล่าที่ต่างอับอายในการที่จะเปิดใจถึงขอบเขตแห่งความคิดที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ผมกลับไม่ถนัดเท่าไหร่

ใช่เลย !! ผมไม่ถนัดเรื่องตอแหล หลอกลวง และไม่ชินกับการที่ทำตัวให้ดูเหมือนจะเหมือน
การอยู่ท่ามกลางความระแวดระวังและอยากเกทับบลั๊ฟแหลก เพื่อแสดงความเอกอุให้ผู้คนต่างหันมายอมรับนับถือ

นับว่าห่างไกลจากชีวิตและหัวใจตัวเองยิ่งนัก !!

บางครั้งการชักจูงให้คนหันมาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ กลับดูไร้ราคาและไม่มีคุณค่าที่ควรเหลียวมองในสายตาคนอื่น
แถมการมีความคิดแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ ยิ่งดูเหมือนการตอกย้ำให้ตัวเองเกิดการหวั่นไหวในหลายเรื่องที่ควรกระทำ

เหมือนหากใครได้ติดตามบทความผมมาจะเห็นได้ว่า ภาษา และ ถ้อยคำ สำนวน ของผม มันเกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่เชื่ออย่างสนิทใจ ว่า หลังการปลดแอกตัวตน บทความนี้น่าจะกลับมาสู่รอยทางอย่างที่ควร

จริงหรือไม่ !! ใช่หรือหลอก !! หลายท่าน น่าจะมีคำตัดสินให้กับมัน … ??

...........................................

ก่อนฤดูกาลจะเริ่มต้น หากให้เขียนเรื่องถนัดคงไม่พ้นเรื่อง “เกรียนสยาม“ ที่นับวันจะพรั่งพร้อมด้วยเหตุผลรองรับตัว
ประโยคคุ้นเคยน่าจะเป็น “ทุกคนต่างรักทีมด้วยกันทั้งนั้น” เพราะฉะนั้น การด่าทีมและนักเตะจึงล้วนไม่ผิด

บัดซบชัดๆ กับข้ออ้างที่อ้างมา ราวกับแสดงภูมิเหลือเกิน ว่า นี่คือเหตุผลที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
งั้นหากผมเกิดรักพ่อแม่คุณ .. ผมและคุณต้องกระทำเยี่ยงไร หาก ตรรกะ นี้ วางบนบรรทัดฐานเยี่ยงกัน

เช่นกันทุกตรรกะ ทั้งการด่าทีมว่า"กาก" การต่อว่านักเตะว่า"สากกะเบือ"..คุณว่ายอมรับได้ แบบนี้หรือเปล่า !!.
เพราะหากเพื่อนฝูงเอาพ่อแม่หรือญาติโกโหติกาของคุณ มาแสดงความรักดั่งเช่น

ไปบ้านมัน โครตเหง้ามันกากชมัด พ่อแม่ทำตัวราวสากกะเบือ” คุณรับไหวกับการแสดงความรักนี้จริงหรือ !!
หากคุณรู้สึกว่าโอเค นี่คือเรื่องรับได้ ผมคงหวังใจแค่ว่า พ่อแม่คุณคงมีความสุข !!

แถมล่าสุด ยังมีแนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น ว่า หากพูดกันแต่เรื่องดีงามของสิ่งที่เรารัก มันจะหาหัวข้อคุยลำบาก
เหียกเอ๊ย !!! ช่างคิดได้ งั้นสังคมนี้เราคงต้องด่าพ่อล่อแม่กันอีกแยะ จะได้มีเรื่องคุยถึงคนที่เรารักมากขึ้นกระมัง

เมื่อหลายปีก่อน มีกลุ่มแนวอนุรักษ์นิยมออกมาเรียกร้องให้ทุกคนที่อยากเป็น เดอะ คอป ออกมาสร้างจิตสำนึกดีงาม
ข้อแรกเลยที่ทางกลุ่มออกข้อกำหนด คือการมุ่งที่จะแสดงจุดยืนความเป็น เดอะ คอป ที่เด่นชัด ด้วยแนวคิดที่ว่า

เรามีหน้าที่เป็นองครักษ์ของทีม เดอะ คอป มีหัวใจ, ทัศนคติ และ มอบจิตวิญญาณให้ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของมัน แต่ทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่มีใครมีอิทธิพลใดๆ กว่าผู้อื่น

นอกจากนั้นยังแถมให้อีกข้อที่ว่า

"สโมสรลิเวอร์พูลมีไว้เพื่อให้กองเชียร์เทิดทูน ไม่ได้มีเพื่อจุดประสงค์อื่นใด" ถ้านี่เป็นสโมสรของเรา ทีมของเรา
"เดอะ คอป คือกำแพงที่จะคอยป้องกันทีม เราต้องคอยหนุนหลังทีม ทั้งหนัก และ เบา พวกเราจะเข้มแข็งเสมอ"

จริงๆ ผมว่ามันง่ายนะ ยกเว้นพวกเบาปัญญา ที่จะแปล คำว่า องครักษ์ ใน หัวข้อแรก ไม่เข้าใจ
หรือ อยากแกล้งทำควาย แปลความหมายในประโยคสองได้ ไม่เหมือนอย่างที่กลุ่มที่รณรงค์พยายามจะสื่อ

ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ... แค่ อยากบอก ว่า ท้ายสุด หากเมิงสำเหนียกกันไม่ได้ ว่าพวกเมิงต้องดำรงตนแบบไหน
อย่าได้หนังหน้าหนา เอาคำ เดอะ คอป ไปใช้ให้พร่ำเพรื่อ หรือ อย่าเอาไปหาแดกกันดีกว่า

มันเสียของอย่างแรงส์ .... !!!

...........................................

คนผู้หนึ่งไม่อาจหนีตัวเองได้ ความผิดพลาดของตัวเอง ความเสียใจของตัวเอง ความรับผิดชอบของตัวเอง
ล้วนแต่หนีไม่ได้ เนื่องเพราะนั่นคล้ายเป็นเงาของตัวเอง ซึ่งติดตามไปทุกแห่งหน ไม่อาจหนีรอดเด็ดขาด”

จริงๆ แล้ว ในบรรณพิภพนี้ ผมเองน่าจะถือได้ว่า เป็นคนขีดเขี่ยตัวอักษรที่หาดีเด่อะไรไม่ !!
คงต้องขอบคุณบรรดาพ่อยกแม่ยกทั้งผอง ที่ได้ติดตามกันมา แม้วันที่เขียนไม่ได้ดีอย่างที่ท่านทั้งหลายต้องการ

ส่วนหนึ่งผมว่า คงมีหลายคนชอบตรงที่ ผมเขียนอย่างไร การกระทำด้านอื่นผมมักเดินด้วยสายเดิมๆ
หาได้เขียนบทความดูดี แต่พฤติกรรมนอกจากนั้นกลับตอแหล หรือ สวนทาง ราวกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนละคน

ผมอาจไม่ใช่นักเขียนจากสำนักใหญ่ๆ ที่ทรงภูมิ หรือประกาศตัวออกสื่อมานาน ว่า ข้า คือ เดอะ คอป
แต่แสดงความเดียดฉันท์นักเตะหรือทีม อย่างสื่อส้นตรีนบางราย ที่ดูเหมือนเท่ห์ชิบหาย เวลากระทืบทีมรักให้โลกรับรู้

การชุบตัวด้วยบทความก็เยี่ยงเดียวกัน ต่อให้คุณเขียนงานได้เลิศเลอ แต่วันไหนที่คุณได้แสดงธาตุแท้
คุณ แม่มมม ... จะเหลือค่าอะไร !!

หากจำความกันไม่ได้ ลองย้อนเอา กับ ไอ้พวกเส็งเคร็ง ที่เคยด่าและไล่กองหลังยกแผงในฤดูที่แล้ว
หรือแม้แต่ไอ้พวกทำงาน “เรื่องเน่าเช้านี้”... เชื่อซิ... รับรอง ผมคงได้เขียนด่าพวกมันอีกหลายคราว !!!

...........................................

ก่อนจบบทความปลดแอกบทความนี้ คงขอพูดถึงทีมรักนิดหน่อย เอาแค่พอสังเขป
ไม่อาจคาดเดาใดๆ เลย จากการอุ่นเครื่องนัดแรก ว่า ท้ายสุด เรื่องราวที่กำลังมาเยือนในฤดูกาลใหม่จะจบแบบไหน

แต่เรื่องที่งงมากกลับกลายเป็นการที่กระทาชาย นายจอห์น เฮนรี่ มาหล่นความคิดว่า ให้ รอดเจอรส์ ตามสบาย
การไม่ได้ไปแชมเปี้ยนลีค พ.. หน้า หาใช่เรื่องคอขาดบาดตายไม่ !! มุมผมคงได้แค่สบถว่า ส้นตีนแล้วไง !!

ก็นะ ใคร ล่ะ ที่บอกว่า การไปแชมเปี้ยนลีค คือเรื่องที่เราต้องทำให้ได้ ..  
หากทำไม่ได้ ผู้จัดการอย่าง เดอะ คิง ต้องรับผิดชอบ

แต่พอเปลี่ยนคน กลับเจือกบอกอีกแบบ ว่า มันไม่สำคัญเท่าไหร่ ไม่ได้ก็หาเป็นไรไม่ …

อ้าว !! มันเหมือนมีคำถามเกิดขึ้นทันควันว่า แล้วเมิงจะรีบไล่เดอะ คิง ออกไปทำซากแม้ว ทำไม ..??

เพราะหากกลับไปดูผลทางสถิติ คุณเอง ที่ยึดติดกับ โมเดล Money Ball นักหนา 
จริงๆ แล้ว คุณเมิงทั้งหลาย น่าจะมองออกว่า ทุกอย่าง มันแทบจะดูดี

เหมือนนักวิพากษ์หลายคนเคยหล่นความเห็นไว้ว่า
ด้วยทรงบอล วิธีเล่นของทีมเราในกำมือ เดอะ คิง ทำได้อย่างถูกต้องในทุกด้านที่อยู่ในสนาม ยกเว้น สกอร์

เหมือนเดิม ครับ .. ผมไม่ได้มองว่า การทำเยี่ยงนี้ การไม่กดดันผู้จัดการใหม่ เป็นสิ่งที่ผิด
แต่ เว๊ยเฮ้ย !!อย่าได้ตอแหล หรือ กลับกลอก กันให้มาก..เพราะกรูตามเมิงไม่ทัน ว่า สรุปอยากได้อะไร !!

หรือแค่อ้างเอาให้ แม่มมม เหมือน จะดูดี !!

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ช่วงชุลมุน ของ ลิเวอร์พูล


ตอนแรก ว่า จะเขียนอะไรๆ หลังการแต่งตั้งผู้จัดการใหม่ ซึ่งครั้งแรกนึกในใจว่า วันอังคารที่ผ่านมาน่าจะเสร็จสิ้น
แต่ทุกอย่างยังคงอึมครึม และมีแต่ความคาดเดาไม่รู้จบสิ้น กับว่าที่ผู้จัดการคนใหม่ของยอดทีมอย่าง ลิเวอร์พูล

เดอะ คอป ขนานแท้ที่ผ่านร้อนหนาวมานาน
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัย ระคนกับความมึนงง กับหลายสิ่งที่อเมริกันริเริ่ม
ทั้งโครงสร้าง ทั้งผู้คนที่สับเปลี่ยนในตำแหน่งต่างๆ รวมทั้งข่าวลือโน่นนี่มากมาย
จนมีคำถาม “เรากำลังทำอะไรกันอยู่”

แค่แคนดิเดตผู้จัดการแบบ Roberto Martinez และ Brendan Rodgers
หลายคนก็จินตนาการไปได้กว้างไกลสุดกู่
รวมไปถึงการเรียกนัดสัมภาษณ์ ราวกับว่า FSG กำลังมองหาคนร่วมงานในตำแหน่ง  Messenger ก็ปาน

ส่วนตัวแล้วมันมีเหตุและผลมากมายที่ขัดแย้งในตัว
แต่ไม่ว่าอย่างไรคงต้องยอมรับและเชื่อกันไปก่อนเล็กๆ ว่า
“นี่จะเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของสโมสรที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง
ไปสู่อีกมาตรฐานที่ดี และ ยั่งยืน ในอนาคต”

ไม่มีใครรู้ ว่า มันจะดีงาม ไม่มีใครรู้ ว่า มันจะได้ผล รวมถึงยังไม่มีใครรู้ว่า
จริงแท้แล้ว FSG วาดหวังอะไร กับทีมของเรา
แต่เครียดไป ณ วันนี้ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา
นอกจากจะมีแต่ความทุกข์กังวลที่คอยกัดกินใจ เปล่าๆ

เปิดใจให้กว้าง น้อมรับความเปลี่ยนแปลง และเฝ้ามองอย่างสงบ
เพราะทุกอย่างมันนอกเหนือการบังคับของพวกเรา

เมื่อถึงเวลา หากการเปลี่ยนแปลงมันไม่ดีจริง ถึงวันนั้นค่อยป่าวประกาศ
และ แสดงพลังให้ FSG ทราบ คงยังไม่สายเกิน

..........................................................................................................

ด้านบนที่เขียน ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ขณะที่ด้านล่างที่คุณจะได้อ่าน มันก็ไม่ได้ล้อเล่น เช่นกัน !!

การต้องยอมรับอเมริกันในการจัดการเป็นเรื่องที่เราสมควรปฎิบัติ
แต่เรื่องราวมากมายเรายังมีสิทธิ์เสมอในการแสดงความคิดเห็น

ผมไม่เชื่อแน่นอน ว่า เดอะ คอป ที่ดีจะต้องเออออห่อหมก กับทุกเรื่องที่อเมริกันชนกระทำ
ขณะเดียวกัน ผู้คนมากมายที่วิพากษ์อเมริกัน กดดัน และ ผรุสวาทใส่ อเมริกัน
ใครกล้าบอก ว่า เค้าคือ เดอะ คอป ที่ไม่ดี

เราเคยมีตัวอย่างมาแล้ว กับสองปลิงอเมริกันรุ่นก่อน
George Gillett  และ Tom Hicks ที่สร้างรอยแผลไว้ให้สโมสร
การเรียนรู้ การเคลือบแคลงใจ ไว้บ้าง คงไม่ถึงกับทำให้ใครๆ ต้องออกมาดีดดิ้น ในเมื่อเรายังไม่รู้จุดจบ ?

เพราะเมื่อ ปี 2007 เราเองก็เคยเป็นปลื้มมาก่อน กับฝันที่จะเห็นทีมก้าวไกล รวมถึงใฝ่ฝันจะเห็นสโมสรเติบโต
ทั้งเรื่องสนามใหม่ที่จะช่วยเราได้ในหลายเรื่อง
หรือ เม็ดเงิน ที่เราคิดไปเอง ว่า มันจะหลั่งไหลเข้าสู่ทีม จนเทียบเคียงหลายสโมสร

แต่สุดท้ายจากสิ่งที่เราฝัน
มันกลับกลายเป็นความยากลำบากของผู้จัดการอย่าง ราฟา รวมทั้งยังเพิ่มหนี้สินมากมาย
ส่วนตัวผมเอง เลยไม่รู้สึกแปลกอะไรมากนัก
กับการต้องฟัดกับ อเมริกัน เสียหน่อย ในเมื่อสิ่งที่พวกเค้ากระทำยังไม่ชัดเจน

เพราะโดยพื้นฐานของอเมริกันทั้งสองรุ่น หาได้เกิดมาจากความรักในสโมสรอย่างแท้จริงไม่ !!

หากแต่มันเกิดมาจากกระดาษรายงาน ว่า นี่คือ
สโมสรฟุตบอลที่เป็นแบรนด์ติดอันดับต้นๆ ของโลก และ มันพร้อมจะทำเงิน
มีไม่มากนักหรอกบนโลกใบนี้ ที่จะมีทีมไหน สามารถติดอันดับโลกสโมสรที่มีมูลค่าสูงมาหลายปี
ทั้งที่ไม่ได้เป็นแชมป์ลีคมาแสนนาน

แล้วคุณจะเชื่อใจกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร ว่าพวกเค้าจะมีแต่ความหวังดี บริสุทธิ์ โดยไร้ข้อกังขา ?

จริงอยู่ ที่เค้าเหล่านี้อาจเข้ามาปลดหนี้สินก้อนโตให้กับเรา
พยายามหยิบยื่นเม็ดเงิน ปรับเปลี่ยนระบบ และ โครงสร้างมากมาย
แต่สิ่งที่เค้าทำ นั่นคือ การช่วยเหลืออย่างจริงใจ
หรือ เพราะมองเห็นหนทางเอาคืนอยู่แล้ว ทุกอย่างยังล้วนรอคอยคำตอบ

เรื่องเหล่านี้ล้วนยังต้องรอคอยเวลา และผมเองก็เชื่อว่า
หาก FSG แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และความปรารถนาดีอย่างแท้จริง
พวกเค้าเหล่านั้น จะครอบครองหัวใจของ เดอะ คอป ได้ทุกดวง
เหมือนที่เราเคยให้ความรักกับ ตระกูล มัวร์ เฉกกัน

..........................................................................................................

กลับมาที่เรื่องราวของอาการฝุ่นตลบจากการเสาะหาผู้จัดการกันดีกว่า
ว่าใครสมควรได้รับเครดิตจากพวกเรา
คำตอบที่ผุดพราย หาได้ยากไปไม่ เพราะคำตอบผมมีแค่หนึ่งเดียว
คือ ใครก็ได้ที่เข้ามาสมควรได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น

เพราะอย่าลืม ว่า โครงสร้างที่เราๆ ท่านๆ รับรู้มา
โดยตำแหน่งนี้ ก็เป็นเพียงแค่ หนังหน้าไฟ เท่านั้น หาได้สำคัญมากนัก
เป็นแค่คนจัดการทรัพยากรผู้เล่นที่เรามี นำไปเข้าสู่แผนเพื่อเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยไม่สามารถตัดสินใจในการซื้อขายผู้เล่น

ขณะเดียวกันยังอาจต้องเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอด
หากทรัพยากรที่ต้องจัดการ ไม่ได้มีเพื่อรองรับความคิดในหัว
ซึ่งโดยหลักการแบบนี้ ส่วนตัวเอง ผมยัง งง อยู่ไม่น้อยทีเดียว ว่า
มันจะทำงานกันอย่างไร ถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่ งง คือ ปกติหากจะทำแบบนี้ ระบบมันจะต้องถูกออกแบบมาก่อน
แพทเทิร์นจะต้องชัดเจน และ รูปแบบต้องจับต้องได้
แต่หากเหลียวดูโครงสร้าง ณ ตอนนี้ มันเลยชวนสงสัยยิ่ง
ว่า ใคร คือ คนคนนั้น ที่วางระบบ และ แพทเทิร์นไว้เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้ควบคุมระบบ จะต้องเป็นผู้เฟ้นหานักเตะ
และผลักดันให้ทุกอย่างไปในทิศทางที่ตัวเองตั้งไว้ .. ใคร ?

หรือผมเองกำลังเข้าใจอะไรผิด เกี่ยวกับทิศทางนี้ ?

มันเลยออกจะแปลกประหลาดมากมายในสายตายิ่ง
ถ้าหากยังไม่มีผู้ควบคุมระบบที่ชัดเจน แต่จัดการหาผู้จัดการคนใหม่ก่อน

รู้ได้ไง ว่า ผู้จัดการคนนี้จะสามารถสนองความต้องการของระบบได้อย่างชัดเจน และ ทรงประสิทธิภาพ
รู้ได้ไง ว่า คนออกแบบระบบจะปลื้มกับคนจัดการ ซึ่งตรงนี้ น่าสนใจ ว่า
ใครเอ่ย ? คือ คนคนนั้น คนที่จะควบคุมทุกอย่าง ?

อเมริกัน ถือไพ่ อะไร ไว้ในมือ ถึงมั่นใจเหลือเกิน ว่า
มันจะเกิดผลลัพท์ทางบวกอย่างที่พวกเค้าต้องการ ยังคงต้องคอยติดตาม

..........................................................................................................

บนโลกไซเบอร์ ที่นับวันข่าวสารจากสื่อต่างๆ มากมายจะไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
บางเรื่องลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง
เช่นกัน การเลือกหาผู้จัดการคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้รับการยกเว้น
แถมยังเป็น ทอร์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เกลื่อนบอร์ด

มีการถกเถียงมากมายกับความเหมาะสม เหมาะควร กับใครก็ตามที่จะก้าวเข้ามาในตำแหน่งที่บางคนคาดหวัง
รายชื่อผู้จัดการชั้นยอดถูกโยงใย พัวพัน กับเรา จนแทบไม่เหลือผู้จัดการชั้นดีคนไหนอีกแล้วบนโลก

หลายคนเริ่มสบถ ถากถาง และ ด่าทอ กับหลายรายชื่อที่ตัวเองไม่ถูกใจ
หลายคนแอบสนับสนุนอีกหลายรายที่ตัวเองชื่นชอบ
ผมยังยืนยัน ว่า เราทุกคนบนโลกไซเบอร์ มีสิทธิ์ วิพากษ์ วิจารณ์ กับทุกคน ทั้งที่ตัวเองเชียร์ หรือที่ตัวเองชัง

การแสดงความคิดเห็น การแสดงออกว่า รัก เกลียด หาใช่เรื่องเลวร้าย ไม่
เพราะมันเป็นสัจธรรมของชีวิตและเป็นเสรีภาพชนิดหนึ่ง
แต่จริงหรือที่มันจะต้องถึงขั้นดูถูก เหยียดหยาม และ ปรามาส ว่า
เค้าจะพาเราแย่ หรือ ทีมเราจะต่ำต้อย ในเมื่อผลยังไม่ปรากฏ !!

เห็นฟันธงกันวุ่นวาย ว่า คนนั้นมาจะหนีตกชั้น คนนี้มาจะไร้อนาคต

ไอ้ส้งติง ! เก่งกัน ชิกหาย !! ไอ้พวกฟันธง เนี่ย เห็นพลาดกันมาหลายครั้งแล้ว
ไม่รู้หนังหน้าทำด้วยอะไร ... ถึงไม่สำเหนียกตัวเอง ซะที !!

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ

* หมายเหตุ หากถ้อยคำไม่สุภาพ ผมคงช่วยอะไรไม่ค่อยได้ เพราะนี่ถือเป็นงานที่ค่อนข้างสุภาพที่สุดในชีวิตงานหนึ่ง หากใครไม่สบอารมณ์คงได้แต่ต้องขออภัย และ ช่วยผ่านๆ มันไป อย่าใส่ใจมากนัก แต่หากไม่ชอบ แล้วยังใส่ใจ อันนี้ คงช่วยไม่ได้ นะเอย

ติดตามงาน ของ เซียวลี้ปวยตอ ได้ ที่ http://www.lovelfc.com/

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

LoveLFC ฉบับ ปฐมฤกษ์

อีกครั้งกับงานสบายๆ สไตล์ “เซียวลี้ปวยตอ”
หนังสือพิมพ์ของชาวหงส์แดง ที่หัวใจมีเพียงหนึ่ง
วางแผงทุกครั้งที่อารมณ์ถึง เพราะฉนั้นอย่าได้คิด ว่า มันจะมาเมื่อไหร่ !!!
หวังว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งงานที่สร้างรอยยิ้มให้เปื้อนใบหน้าทุกท่านอีกคราว

ด้วยจิตคารวะ
เซียวลี้ปวยตอ




ติดตามงาน ของ เซียวลี้ปวยตอ ได้ ที่นี่ ไว้พบกัน ..

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องตลก !!!

ตลกสิ้นดี !!!

หลังเกมส์ ลิเวอร์พูล ประทะ สาลิกาดง ที่เหตุการณ์มากมายบังเกิด ส่วนตัวนับว่าออกจะดูวิกฤติไม่น้อย
แต่ความที่ผ่านอะไรๆ มากมายมา จึงแค่รู้สึกหม่นหมองเล็กๆ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

อารมณ์เสียไปทำไม กับการที่เห็นทีมสมควรได้จุดโทษกับหนึ่งใบแดง กับการใช้แขนป้องกันประตู
อารมณ์เสียไปทำไม กับการเห็นการเสียประตูจากลูกล้ำหน้า ที่ดูเป็นการตอกฝาโลงและฝังเราทั้งเป็น

อารมณ์เสียไปทำไม กับการเห็นฉากละครตบตาฉากหนึ่งที่ทำให้ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ถึงโดนไล่ออก
แปลกใจอยู่ครามครัน !!! กับกรณีหลังที่หลายคนถึงกับยินดีปรีดาจนออกนอกหน้า เพียงเพื่อจะได้ยลฝีมือตัวสำรอง

แถมยังไม่ยินดียินร้ายกับวิบากกรรมของนักเตะที่ทุ่มเทให้กับเราผ่านเกมส์แล้วเกมส์เล่า เหมือนพวกเค้าไร้ค่า

ปัญหาผมไม่ได้อยู่ที่ เรน่า ต้องถูกต้องเสมอ 
แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานมากกว่าที่ตาเนื้อเห็นบางกรณีผมยังยืนข้างนักเตะเสมอ

หลายคนตั้งหน้าตั้งตามอบข้อหา ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้ !!! 
โทษว่ะ เมิงเป็นกระดอ เรน่า หรือ !!! ถึงรู้ว่า เรน่า เจตนาหรือไม่ !!

อุตส่าห์อธิบายเป็นภาษาคน ว่า เออ ถ้า เรน่า แค่จะเอาหน้าเข้าไปถาม ว่ามีปัญหาอะไร ไหมล่ะ ..!! ทำไมจะคิดไม่ได้
เพราะมีมากมายหลายกรณีเหลือเกิน ที่นักบอลเอาหัวชนกัน แล้วผรุสวาทใส่กัน ด่ากัน ไม่ใช่ไม่มี

นอกจากจะมาอ้อมแอ้มหาว่าเราเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่ไม่อ่านกันตั้งแต่คอมเม้นท์ต้นๆ แล้ว ยังพาลแถกสีข้าง
ตั้งใจ แต่ จะเห็นว่า เรน่า ยั้งๆ ... บ้านพ่อเมิง ตั้งใจกับเจตนา ...แล้วมาบอกยั้ง ตกลงตั้งใจ หรือไม่ !!!

เหมือนโดนตำรวจจับข้อหาเจตนาฆ่า .. หลังสารภาพตำรวจถาม คุณเลือกได้ที่จะยิงหัว ทำไมยิงตาตุ่ม !!!
ผมยั้ง ครับ ........ ควายแล้วไง ทีนี้เจตนาฆ่า ยังอยู่ล่ะซิ.. หากมานเอานัยยะนั้นตัดสิน

ฉันใด ฉันนั้น ขนาดแม่มมม ยังมองว่าเรน่า ยั้ง เมิงทำไมจะมองต่อ ว่า เออ เรน่า ไม่ได้คิดทำแล้วเว๊ยยย แค่อยากถาม
คำว่าตั้งใจหรือเจตนา ไม่ว่าตีความแบบไหน มันก็ได้บริบทเดียว คือ คิดก่อน ตัดสินใจกระทำ ให้บรรลุเป้าหมาย

ตั้งใจทำร้าย นั่นหมายความว่า มานต้องเจ็บ ไม่ใช่ยังไม่โดน เพราะ ยั้ง กระบวยๆ แต่เจือกเอามือกุมหน้าครวญคราง
แทนที่จะด่าไอ้เวรที่เล่นละครตบตา กลับยัดข้อหาที่ดูชาติชั่ว ขนาดข้อหา ตั้งใจทำร้าย ให้ เรน่า ซะงั้น

แล้วยังมาบอกซะอีกว่าไม่หยามผู้เล่น ก็ไอ้ที่บอกว่าเค้าเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้น่ะ ไม่หยามมันเรียกว่า ชมเชยหรือไง !!!
แถมพื้นที่ตรงนั้น ปกติมันต้องคุ้มครองผู้รักษาประตูให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วยซ้ำ...!!!

อีกทั้งยังสงสัย ที่เมื่อครั้งกรณี ซัวร์เรส โดนข้อหาเหยียดผิว 
ทำไม๊ ... แม่มมม ถึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ซัวร์เหยิน ไม่ผิด
แต่ขณะเดียวกัน กับกรณี เรน่า เมิงถึงกล้าตัดสินทันที ว่า นี่คือ เจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ ... แสรด !!!

คือถ้าเป็นที่อื่นเรื่องบางเรื่อง ส่วนตัวผมก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่ต้องตีมันกับทุกกระบวน
แต่ไอ้ที่มันเคือง เพราะที่นี่มันดันมีกฎศักดิ์สิทธิ์ข้อ 7 ที่ห้ามหาแพะ หาแกะ ให้วุ่นวาย และเราควรเคียงข้างนักเตะ


บอกกันแล้ว ว่า ผมจะไม่เดือดร้อนใจเลยซักนิด หากกรณีเป็นความผิดชัดเจนแบบไร้ข้อถกเถียง
แต่การออกมาระบุ ว่านี่คือความผิดชัดเจน ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้ จากปากคนในที่แห่งที่ว่า ผมว่ามันเกินเลย

เพราะไม่ใช่มีแต่ที่นั่นจะออกความเห็นกันอยู่บ้าง ว่า มันจะแดงได้ไง ในเมื่อไม่โดนเนื้อต้องตัว
แถมยังมีบทความวิเคราะห์ วิพากษ์ มากมายในต่างประเทศ ขนาดตั้งสันนิษฐาน ว่าหากอุทธรณ์อาจมีหลุด

ที่สำคัญ ผมแม่มมม !!! ไม่เห็นความเกี่ยวเนื่องกันเลยซักนิดกับคำอธิบายที่แสนวกวน
คำอย่าง "ผิดเต็มประตู" "ตั้งใจทำร้ายคู่ต่อสู้" และคำอย่าง "เห็นเรน่ายั้งๆ" มันเกี่ยวกันตรงไหน !!!

หากยั้งแบบตาเห็นจนกระทั่งไม่โดนตัวซักนิด มันแปลได้ใจความ ว่า "ผิดเต็มประตู" ไหม ..
ขณะเดียวกัน หากยั้งจนไม่โดนเนื้อ มันเข้าข่าย "ตั้งใจทำร้าย" หรือ "เจตนาทำร้าย" คู่ต่อสู้ตรงไหน 

เอาเถอะ !! เมิงจะเลี่ยงบาลีจนสีข้างถลอกแบบไหนก็ตามต้องการ จะโชว์พาวแสดงตนแบบไหนก็ตามสบาย
เพราะท้ายที่สุด เมิงก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เมิงตั้งป้อมด่าเค้าไว้ ... ไม่ต่างกัน !!!
……………………………………………………………….

ที่ออกมาสะกิด ก็นะ เคยมีบทความของตาก้องที่เขียนไว้อย่างดีว่า


ในฐานะแฟนบอล หน้าที่ของเราคือ เชียร์ และ เชื่อให้ถึงที่สุด
หลายคนอาจจะแย้งว่า ความเชื่อแบบไม่ใช้สมองมันเหมือนโง่

ใช่ครับ ความเชื่อ แบบ ไม่มีปัญญา อาจจะดูเหมือนโง่ครับ
แต่ อย่าลืมว่า เพราะมี ความเชื่อ แบบนี้แหละครับ

โลกเราถึงได้หมุนไปข้างหน้า มีอะไรดีๆเกิดขึ้นมากมาย เทคโนโลยี ศิลปะ วิทยาการต่างๆ
คนเราเมื่อถูกคนอื่นพูดบ่อยๆ ว่าเป็นแบบไหน ไม่ว่า "ทางบวก" หรือ "ทางลบ"

ก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อและเป็นไปแบบนั้นจริงๆ

บางคนถูกคาดหวังจากคนอื่นและได้รับความเชื่อ เช่น ถูกเชื่อว่าทำได้ แม้สิ่งนั้นจะดูยากแสนยาก
สุดท้ายคนๆนั้นก็พาลทำสิ่งที่คนอื่นเชื่อให้เป็นจริงได้ครับ

ความเชื่อทางบวกแบบมาจากใจจริงอย่างถึงที่สุดว่าเขาจะทำได้ นี่แหละครับ บ้านผมเรียกว่า “กำลังใจ

แหม II ตอนเอาไปลงก็คอมเม้นท์กันมากมาย ดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้ แล้วแม่มมม !!! ทำได้กันซักกี่ตัว
กับ การทำให้ตัวเองเชื่อให้ถึงที่สุด.... ถุ๊ยส์

เอามาแปะเป็น Memo ไว้ก่อน....ว่างๆ จะ ต่อ เน้อ

เคยตั้งใจว่าจะมาต่อ โดยคิดว่าอาจจะเปลี่ยนให้มันดูเบาบางลงเล็กๆ แต่ถึงวันนี้คงปล่อยไว้แบบนี้
เพราะผมเองก็ไม่ใช่พวกตอแหล แบบวันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง คิดยังไงก็ปล่อยมันไปแบบนั้น เอวังก็มีด้วยประการ ฉะนี้