วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อีก 2 นัด ก่อนลาโรง !!!

เดอะ คิง ... หัวข้อที่ผมออกจะหาเรื่องเขียนลำบากเรื่องหนึ่ง
เพราะมาตรฐานส่วนตัวของเจ้าของนามที่กล่าวข้างต้น มันเกินปกติเสียจนแตะลำบาก

เพราะนับตั้งแต่ผู้ชายคนนี้เดินเข้าสู่วิถีแห่ง ลิเวอร์พูล เรื่องราวมากมายล้วนตามมา
แต่ละเรื่องเข้าขั้นเทพนิยายแฟนตาซีที่อ่านสนุกและมิอาจคาดเดาเรื่องราวอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน

หากมีแต่ความปิติและอิ่มเอมกับการลิ้มรสความหฤหรรษ์ จนยากบรรยาย
เรื่องราวหลักๆ ของชายผู้นี้ถูกถ่ายทอดจากปากสู่ปาก จากรุ่นสู่รุ่น ราวกับหาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้

แต่นี่แหล่ะ ตำนานที่ยังมีลมหายใจ ที่ทุกคนยังสัมผัสและรับรู้เรื่องราวได้อย่างมิรู้เบื่อหน่าย

แล้วงัย .. !! ทำไมต้องพูดถึง ทำไมต้องออกมาเขียนอะไรๆ กับชายคนนี้อีกเล่า
ก็แหมนะ !! มันได้จังหวะ ล่ะม๊าง ท่านที่เคารพ ที่หลายๆ อย่างเริ่มอุดปากกูรู จนเห่าออกเสียงสำเนียงไหนไม่ได้

จำกันได้ไหม !! จากก้าวแรก ที่ เดอะ คิง ตกปากรับเผือกร้อนจากสโมสรเพื่อกลับมากุมบังเหียนคราวนี้
เหล่ากูรูและผองเพื่อน สาวกเกรียนสยาม หรือแม้แต่ เดอะ คอป ตัวเอ้หลายคนออกอาการเหมือนโดนขัดใจ

หลายคนทำตัวราวเด็กไม่ได้ของเล่น และหลายชีวิตออกอาการเหมือนครอบครัวร้าวฉานราวเมียมีชู้
พร้อมยกเหตุอ้างผลที่ทำเอาผู้คนเกือบเคลิ้มมาเล่าสู่ ประหนึ่งตัวแม่มม ช่างเอกอุและเอกะเสียยิ่งกระไร

ทั้งเรื่องราวของชื่อชั้นและความหัวโบราณต่างถูกยกมาอ้างราวกับโศกนาฏกรรมที่มิอาจเยียวยา
บ้างยกแคนดิเดต และ เครดิต ให้กับชายปากมอม รวมไปถึงเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ราวเทพเจ้า.. ถุยส์

ยิ่งเสียผู้ชายที่เคยมีเลขเก้าติดหลังไปอีกหนึ่ง หลายคนเริ่มออกอาการประหนึ่งแม่มมถูกเต็มประตู
หนำซ้ำอาการเปิดหัวของทีมเหมือนไม่เป็นใจเข้าไปอีก ยิ่งเหมือนตอกย้ำความคิดของคนเหล่านั้น

บวกกับอาการบาดเจ็บของเหล่านักเตะตัวหลัก ดูเหมือน เดอะ คิง จะข้ามผ่านโดยยากลำบาก
แต่การณ์หาเป็นดังเช่นนักอวดรู้ พวกอวดตัว และเหล่าเหลือบไร ออกมาแพล่มวิพากษ์วิจารณ์ไม่

ทุกอย่างดูเริ่มเข้าที่เข้าทาง นวลเนียน และ แสดงถึงความเป็นยอดฝีมือ ที่ใครๆ มิอาจดูแคลน

.......................................

ถ้าให้ผมทาย การจากไปของอดีตหมายเลขเก้าคนนั้น ก็คงมีกระบวนความคิดไม่ต่างจาก เกรียนสยาม เท่าไหร่
เพราะหากถาม ณ ตอนนั้น ผมเชื่อว่าผู้ชายแก้มแดงคนนั้น อาจไม่รู้จัก เดอะ คิง อย่างที่ควรเป็น

ถ้าถามถึงรายชื่อยอดคนยอดโค้ช เดอะ คิง อาจไม่อยู่ในลิสต์ท๊อป 20 ในกบาลของหมอนั่น แม้แต่น้อย
การหาทางรุ่งกับยอดโค้ชในสมองของชายที่เคยรัก เลยเบนเข็มไปที่ อันเชลอตติ อย่างช่วยไม่ได้

เพราะหากนับตามสายตาบ้านๆ อาร์เซนอล แมนยู บาร์ซ่า และ รีล มาดริด ล้วนออกอาการเป็นไปไม่ได้
ความหวังที่จะเห็น อันเช่ สร้างยุคแสงสว่างเรืองรองมากกว่า เดอะ คิง จึงผุดขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย

โดยหารู้ไม่ว่า ตัวเองอาจพลาดโอกาสสำคัญในการก้าวสู่การเป็นนักเตะที่ดีที่สุดไปอย่างมหันต์
หรือผมตาฝาดไป ที่เห็น เดอะ เคาท์ / มักซี่ / สเปียร์ริ่ง / ไมราเลส และเด็กๆ ทั้งแก๊งค์ดูเล่นดีผิดหูผิดตา

จาก เคาท์ ที่ปกติก็หาได้เล่นขี้เหร่ไม่ ก็ดูมีทักษะการวิ่งที่เหมือนจะเข้าใจเกมส์และมีประโยชน์มากขึ้น
ขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็ไม่ต่างกัน ที่หลายๆ คนดูเป็นเกมส์ และมีทรงอันจับต้องได้ ด้วยผลที่เห็นๆ กันอยู่

พาลนึกไม่ออกว่าหากชายคนนั้นยังอยู่จะเปล่งประกายอีกสักเท่าไหร่ ยามเมื่อ เดอะ คิง ขัดเกลา
แต่ช่างมันเหอะ ผ่านแล้วก็ผ่านไป แค่เอ่ยและยกตัวอย่างของอาการคิดผิดมาให้ยลกันซักหนึ่งกรณี

.......................................

แล้วไง !!! หลังผ่าน 16 นัด กับผลเฉพาะในลีค แข่ง 16 ชนะ 10 เสมอ 3 และ แพ้ 3
จากทีมที่อยู่ในโซนตกชั้นกลับก้าวพรวดๆ มาอยู่ในพื้นที่ยุโรปชั่วคราวอย่างในช่วงเวลานี้

ผมสงสัยเล็กๆ ว่า ไอ้ยอดกุนซือที่เคยชูหางราวเทพเจ้า จะมีปัญญาทำแบบนี้ไหม หรือต้องให้โอกาสยันฤดูกาลใหม่

กับ 33 แต้มที่หากันไม่ได้ง่าย เมื่อต้นฤดูกาล กับกลายเป็นเรื่องไม่ยากแค้นเท่าไหร่ในมือ เดอะ คิง
อะไร !!! คือ สิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้น และ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแหกตา หรือนี่คือความฝันบางตื่นเท่านั้น

นักเตะที่โดนบูชาราวเทพหายไปหนึ่ง ขณะเดียวกันกลับได้นักเตะที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเท่าไหร่มาแค่ 2
รวมกับเหล่าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหนึ่งขยุ้ม ไฉนรูปเกมส์ กลับดูเพลินตาและยวนใจสิ้นดี

เหล่าแพะตัวเอ้ทั้งหลายเริ่มกลายร่างเป็นเทพบุตร ราวโอรสสวรรค์ที่กำเนิดเกิดมาเพื่อ ลิเวอร์พูล ทั้งสิ้น
เกรียนสยาม ถึงคราวเงียบยกใหญ่ เหมือนบ้านเมืองนี้ไม่เคยมีใครเป็นเกรียนที่หาแพะไปวันๆ มาก่อน

แต่เชื่อใจได้ ว่าหากถึงคราวต้องพ่ายแพ้เมื่อไหร่ เราคงได้ยลโฉม เกรียนสยาม กันอีกหลายกระทอก
ซึ่งแม้แต่ เดอะ คิง ที่วันนี้พวกมันต่างสรรเสริญ คงไม่วายโดนปู้ยี่ปู้ยำชำเราอย่างสนุกปากตามเคย หากพลาดพลั้ง

.......................................

กับเกมส์การแข่งขันเมื่อคืน บอกกันแบบไม่อายว่าผมโคตรจะผิดหวังไม่น้อย
เปล่า !!! ไม่ได้ผิดหวังในผลการแข่ง หากแต่ภาพรวมของเกมส์กลับดูไม่ถึงใจ อย่างที่หวังไว้ซักนิด

แหม ก็ถ้าหากเหลียวกลับไปมองนัดก่อนๆ ของ ฟูแล่ม กับเกมส์ในบ้านของพวกเค้า
คงต้องยอมรับโดยพลัน ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยซักนิด หากหวังจะเข้ามาฉกแต้มกันแบบหน้าตาเฉย

ก็จาก 21 นัดในบ้าน ในทุกถ้วยปีนี้ของเหล่านักเตะทีมเจ้าสัว มันธรรมดาที่ไหน !!!

จาก 21 เกมส์ เจ้าบ้านเล่นเอาถึงชนะไปทั้งสิ้น 11 เกมส์ เสมอ 6 และ แพ้เพียงแค่ 4 เกมส์ เท่านั้น
ซึ่งนับว่าเป็นสถิติที่น่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย และเป็นสาเหตุสำคัญให้เจ้าสัวอยู่อันดับที่ 10 แบบสบายๆ

ไอ้เราก็นึกว่า งานนี้คงได้เห็นเกมส์มันส์ๆ ระดับลุ้นกันรูตรูดตะลึง ไม่ก็ต้องเยี่ยวเหนียวไปข้าง
แต่ ป้าด .. เริ่มเกมส์แค่ 15 นาที ทุกอย่างก็จบลงซะดื้อๆ แบบไร้ลุ้น... ฮ่วย !! เสียเส้นยิ่งกว่าดู ปาเกียว อีก

ไอ้ชอบน่ะชอบนะ ไม่ใช่ไม่ชอบ กับการเห็นทีมที่รักไล่ปู้ยี่ปู้ยำชาวบ้านชาวช่อง
แต่แบบว่าโรคจิต อยากเห็นทีมชนะยากๆ หน่อย เจอเกมส์เหนียวๆ เคี้ยวยากๆ จะทำอย่างไร

การแก้เกมส์ ทัศนคติผู้เล่นจะเป็นแบบไหน จินตนาการจะออกมาเยี่ยงไร หากเจอเกมส์เขี้ยวๆ
งานนี้เลยพาลมีความรู้สึกเสมือน มวยล้มต้มคนดู ยังงัยอย่างงั้น... เอ้า !!! จริงๆ นะเนี่ย

ไม่ต้องไกล ดูอย่าง พ่อยอดชาย นาย Mark Schwarzer นั่นปะไร !!!
ก็ทั้งๆ ที่เพิ่งเล่นออกจะโดดเด่น ในเกมส์นัดถล่มซันเดอร์แลนด์นอกบ้านมา 3-0

แถมเจ้าตัวและผองเพื่อนดันทะลึ่งติดทีมออฟเดอะวีคของเวปไซค์พรีเมียร์ถึง 6 พระหน่อ
แต่ไหง !!! พอมาเจอกับทีมของเรากลับอ่อนระทวยราวโดนน้ำแข็งลากผ่านหลังซะฉิบ !!!

และงานนี้ หากต้องเลือกคนที่แย่ที่สุดของเกมส์ ในสายตาผมคงไม่พ้น คนๆ นี้ ล่ะ Mark Schwarzer
ก็พ่อเล่นทำหมูหกตลอด แบบมองมุมไหน ลูกบางลูกมันไม่ควรเป็นประตูด้วยซ้ำ หรือคุณคิดกันอย่างไร !!!

ซึ่งงานนี้ความมันส์ระดับสวนรูทวารเลยหล่นหาย ตาม “มาตรฐานโกล์ มาตรฐานเกมส์” เสียจริง

ตั้งแต่ลูกแรก กับการตัดสินใจแปลกๆ ที่เก็บบอล์ลไว้ในสนามแทนที่จะยอมเสียลูกเตะมุม
จนเป็นเหตุให้ มักซี่ ได้โอกาสงามๆ เบิกประตูแรกในเกมส์ ทั้งๆ ที่เวลายังไม่ถึง 1 นาที

การยืนผิดตำแหน่งในลูกที่ 4 ที่โดน มักซี่ เจ้าเดิมทำแฮททริค ทั้งๆ ที่ยิงได้ไม่แรงเท่าไหร่
แต่ทิศทางและน้ำหนักนี่ซิ นับว่าเป็นการลงโทษการยืนผิดที่ผิดทางได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่ไอ้ที่น่าเกลียดที่สุด คงต้องยกให้ลูกที่ เคาท์ ยิงจากเส้นกรอบขวามือ มองยังงัยลูกนี้ก็ไม่น่าเป็นประตู
มันน่าเข้าซองจะตาย ไหงดันแหวกฟ้าท้าตะวัน ดันไปเป็นประตูเสียนี่ ...ยอมเลยพ่อคุณพ่อทูนหัว แม่มม !!!

.......................................

จะว่าไป เกมส์นี้นับว่าเป็นเกมส์ที่หลายๆ คน ได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างมีรสนิยม
อย่าง ลูคัส เกมส์นี้เล่นเอาหล่อไปไม่น้อย ลูกตอดที่เป็นสัญลักษณ์ประจำกายยังเปล่งอานุภาพได้ดี

แถมลูกส่งใกล้-ไกล เกมส์นี้ นับว่าสำแดงเดชได้ไม่น้อย แถมมีลูกล่อลูกหลอกลูกล่อลูกชนต่างหาก
ซึ่งนับว่าก้าวไกลไปอีกระดับไม่น้อยทีเดียว กับคุณภาพคับแก้วของอดีตกัปตันบราซิลรุ่นเยาว์

และแม้จะดูโดดเด่นน้อยกว่า เจ้าปั้ก (อีกตามเคย) แต่ถือว่า นี่นับเป็นคู่มิดฟิลด์ที่หาน้อยหน้าใครไม่

แต่กาลกลับเป็นว่า ส่วนที่ดีที่สุดของทีมกลับเป็นความลื่นไหลของแนวรุกที่ดูมีประสิทธิภาพมากมาย
ราวกับว่า เดอะ คิง หาได้ใช้ระบบ 4-4-2 ที่คุ้นเคยไม่ หากแต่เป็นระบบใหม่ตัวผมเองค่อนข้างมึนงง

เพราะเท่าที่ดู แผนนี้กลับกลายเป็น 4-2-4 เสียฉิบ !!! เพราะดูยังงัยๆ 4 คนแนวรุกต่างพร้อมเป็นศูนย์หน้าเสมอ
เพราะลองคิดเล่นเล่น แค่ แฮททริคฮีโร่ คนเดียว ยังยิงต่างมุมต่างพื้นที่ทั้ง 3 ตุง แบบว่า ตรงไหนก็ยิง ซะงั้น

หาก 4-4-2 เดิมๆ ตำแหน่งประจำของ มักซี่ งานนี้โดยภาพ คือ น่าจะเป็นการประจำการพื้นที่ด้านกราบซ้าย
แต่หากดูย้อนไปที่ลูกแรก มุมที่ มักซี่ ซัดเบิกรู กลับกลายเป็นพื้นที่ตรงกลางเยื้องๆ ไปด้านขวา

เพราะวิ่งตัดสลับกันกลับ ซัวร์เรส ขณะที่ลูกที่สองได้ประตูมาจากด้านซ้าย ด้านประจำการ
ส่วนลูกที่ 3 เป็นบริเวณหัวกะโหลก เหน่งๆ เรียกว่า วิ่งกันจนดูลานตา หาทิศทางแน่นอนไม่ได้

ซึ่งทั้ง 4 พระหน่อ ทั้ง เคาท์-ซัวร์เรส-มักซี่ และ เมย์ราเลส ในครึ่งแรก ทำได้ดีจนน่าเวียนหัว
แม่มมม !!! จะจับตายใครล่ะนั่น แม่มมม วิ่งซะขนาดคนดูยังงง ไอ้คนในสนามยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ส่วนที่ชอบอีกเรื่อง คือ การได้เห็นทัศนคติ และ ทรงการเล่นที่ดูน่าติดตามของเจ้าเหม่งน้อย เชลวี่ย์
หนึ่งในยอดยุทธวัยเยาว์ที่สื่ออังกฤษต่างลุ้นและเขียนถึงราวกับนวนิยายของเจ้าชายแห่งโลกลูกหนัง

หากย้อนกลับไปดูในหลายๆ เกมส์ ที่เจ้าตัวถูกส่งมาขัดตาทัพ หาได้มีส่วนไหนซักนิด ว่า หมอนี่จะเหนือชั้น
โอเค !!! ที่อาจดูเหมือนตื่นๆ จับจังหวะไม่ถูก หรือ ไม่คลิ๊กอะไรก็ตามแต่ และ พักหลังได้รับบาดเจ็บ

หากเอาไปเทียบกับ แจ็ค โรบินสัน หรือ เจ้าหนูฟลานาแกน คะแนนคงห่างลิบอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อคืนนี้ แค่ลูกเดียว ลูกที่ส่งให้ ซัวร์เรส ยิงประตู ลูกนั้นลูกเดียวจริงๆ ที่มันฉายอานุภาพขนาดต้านไม่อยู่

เล่นเอาตะลึง และ ปากค้าง อย่างมึนงง และสงสัยในที ว่าหากทุกอย่างเข้าล๊อค ไอ้หมอนี่จะอันตรายแค่ไหน !!!
เพราะการดึงจังหวะนิดๆ ก่อนปล่อยลูกออกจากเท้า เนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่ระดับเด็กอายุ 19 ขนาดนี้

ไอ้ลูกนี้มัน คิลเลอร์พาสระดับเซียน ดูเหนือชั้นกว่า ทะยานบันไดเมฆ ของ บู๊ตึ๊ง ลูกหนึ่งเชียวนะนั่น

งานนี้คงต้องขอคารวะ หลังมีข้อสงสัยเล็กๆ มาหลายเพลากับชื่อชั้นที่ดูอาจจะเกินตัวไปหน่อย
หากนับแต่สิ่งดีงามของเกมส์ นอกจากความบันเทิง และ ภาพรวมของแนวรุกแล้ว กลับมีสิ่งหนึ่งให้กังวลเล็กๆ

ในมุมมองของผม ทัศนคติกับการตั้งรับ หลังนำขาด ดูน่าสนอกสนใจไม่น้อย
เพราะทั้งสองลูกที่เราโดนกระทุ้งนั้น เหมือนเราดูชะล่าใจเกินไปหรือเปล่า เราผ่อนคลายมากไปไหม !!!

ด้วยเหตุที่ทั้งสองลูกที่เราโดน หากเป็นเวลาปกติ ผมว่ามันไม่เหนือชั้น ขนาดเรารับมือไม่ไหวแน่
ดูจากคลีนชีทที่ เรน่า ได้รับ กับความเหนียวแน่นที่เราโชว์มามากมายกับทีมระดับหัวแถวก็พอ

ไอ้สองลูกเนี่ยแหล่ะ ที่ทำให้เกมส์นี้ กลับลดคุณภาพความอิ่มเอมจากชัยชนะไปไม่น้อย
เพราะหากเลือกได้ ผมคงชอบพอการชนะ 3-0 มากกว่า 5-2 เป็นแน่แท้ ... งานนี้เลยกร่อยไปนิดหน่อยในที

.......................................

หลังเกมส์ชำเรา เจ้าสัวน้อย กับ การพังสถิติมากมาย บวกฟอร์มการเล่นที่ดูเพลิดเพลิน คุณหวังอะไร !!!
ใช่เลย หากไล่เรียงกับสถิติ เรามีอะไรใหม่เกิดขึ้นบ้าง ... ประตูที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้

การลงเล่น ครบ 666 นัด ของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ แห่ง หงส์แดง เจมี่ คาร์ราเกอร์
การทำประตูติดกัน 5 นัด ของ เดิร์ค เคาท์ ที่เราห่างหายไปนับจากสมัย จอห์น อัลดริจด์ เมื่อปี 1989

การทำแฮททริคครั้งที่ 2 ของ มักซี่ โรว์ดิเกรซ ในรอบ 3 เกมส์ ซึ่งหากนับรวมถึงฟอร์มของทีม
นี่น่าจะเป็น “การกลับมาที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง” หลังจากที่เราทำได้ ที่ อิสตันบูล และ ถ้วยเอฟ เอ คัพ

ก็แหม !!! นะ จากท้ายตารางจนคนปรามาสว่างานนี้มีหวังลุ้นตกชั้น กลับมาลุ้นหูใหญ่ขนาดนี้
หากไม่เรียกว่าเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ หรือ จะให้บอกว่าตรูซมซานมาล่ะ พ่อคุณ !!!

อีก 2 นัด เท่านั้นซินะ ที่เราต้องอำลาพรีเมียร์ กับ ฤดูกาลแห่งความผันแปร
ทั้งเปลี่ยนผู้จัดการ 2 คน ทั้งเปลี่ยนเจ้าของ และผู้บริหาร รวมไปถึงการเปลี่ยนผู้ร่วมงานบางส่วน

การคาดเดาผลลัพท์เมื่อสิ้นฤดูกาลใกล้ถึงไคลแม๊กซ์ จนเชื่อว่าหลายคนอาจลุ้นจนเยี่ยวเหนียว
เอาน่า !!! ไม่ว่าอย่างไร หากฟ้าจะประทานให้ไปหูใหญ่อีกครั้ง ผมคงรับชะตากรรมนั้นด้วยความเต็มใจ

และถึงแม้อาจจะไม่ได้ไปซักถ้วยในเกมส์ยุโรปปีหน้า ส่วนตัวก็ไม่กังวลเท่าไหร่ !!!
เพราะจากทรงเกมส์ที่เกิดขึ้นในปลายฤดูกาลนี้ คนที่น่าจะกังวลไม่น่าจะเป็นพวกเรา

ใครจะไปรู้ เห็นฟอร์มอย่างนี้ อาจมีคนขี้แตกขี้แตน อยู่แถวโรงละครแห่งฝันเปียก แล้วก็ได้ .. ระวังตัวเถอะ เมิง !!!


ปล. หาก เดอะ คิง อ่านเจอข้อความนี้ ช่วยอะไร เดอะ คอป ซีกโลกฝั่งนี้ ซักนิด
ช่วยเอา ซัวร์เรส ไป ซีล๊อกซ์ หรือ ก๊อปปี้เหมือน เอาไว้อีกซัก 2-3 สำเนาด้วย เถ๊อะ.... กลัวเจ็บ จริงๆ เล๊ยยยยย

และหากลำบากไป ขอเป็นซื้อนักเตะประมาณนี้มาเสริม น่าจะทำให้นวนิยายหมายเลข 19 ของเราไม่ไกลเกิน
Pleasssssssssssssssssssssssssss.

ด้วยจิตคารวะ
มีดสั้นงมงายรัก


ข้อเขียนเหล่านี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเพียวๆ ใครชอบไม่ชอบ คิดเหมือนคิดต่าง ก็หากังวลไม่
ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นท์ ยกเว้นพวกเกรียนแตก หากมันเจ็บจี๊ด .. ช่วยนิ่งหน่อย เดี๋ยว เตะ !!!

_________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น